จับตาหุ้นไทย! หากไม่ทะลุ 1,780 จุด มีโอกาสลงยาว 2-3 ปี

08 พ.ย. 2561 | 11:46 น.
บล.ทิสโก้ แนะจับตาเดือน มี.ค. 62 ดัชนีหุ้นไทยจะยืนเหนือ 1,780 จุด ได้หรือไม่? ชี้! หากไม่ทะลุ ในทางเทคนิคหุ้นไทยมีโอกาสเข้าสู่ขาลงต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ เปิดเผยว่า หากวิเคราะห์ในเชิงเทคนิค ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยช่วงเดือน พ.ย. ถึง ธ.ค. 2561 จะอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยคาดว่า ดัชนีจะปรับขึ้นไปทดสอบที่บริเวณ 1,730-1,750 จุด จากเม็ดเงินในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะไหลเข้ามาเพิ่มอีกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ประกอบกับมีความชัดเจนเรื่องวันเลือกตั้ง การเร่งรัดประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐบาล และยังเป็นช่วงที่บริษัทจดทะเบียนไทยทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3/2561 ส่วนแนวรับคาดว่าจะไม่หลุดกรอบที่ 1,630 จุด


K.Viwat_t (1)

อย่างไรก็ตาม ช่วงเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงมาก จึงประเมินว่า ในเดือน พ.ย. นี้ น่าจะเป็นจังหวะของการฟื้นตัวขึ้น ดังนั้น จึงเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าช้อนซื้อหุ้นไทยที่มีพื้นฐานดี ราคาถูก รวมถึงเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐบาล โดยหุ้นเด่นประจำเดือน พ.ย. คือ BBL, MTC, NYT, ROJNA, SEAFCO, STEC, TPCH, และ TPIPP ซึ่ง บล.ทิสโก้ คาดหวังอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อหุ้นไว้ที่ประมาณ 8.0%

สำหรับภาพการลงทุนระยะกลางถึงระยะยาวนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาเป็นเพียงการปรับฐานเพื่อขึ้นต่อ หรือเป็นการส่งสัญญาณว่า หุ้นไทยเข้าสู่ขาลงครั้งใหญ่ ซึ่งหากเป็นเหตุผลหลังนั้น ประเมินว่า อาจจะกินเวลาต่อเนื่องตลอด 2-3 ปีนับจากนี้

"ต้องจับตาดูในเดือน มี.ค. 2562 ซึ่งเป็นช่วงที่ไทยมีข่าวดีพร้อมกัน คือ มีการเลือกตั้ง และเป็นจังหวะที่บริษัทต่าง ๆ ทยอยจ่ายปันผล ว่า ดัชนีหุ้นไทยจะสามารถยืนเหนือ 1,780 จุด ได้หรือไม่ โดยในทางเทคนิค หากดัชนีไปยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ หุ้นไทยจะไปต่อที่ 1,850-1,900 จุด กรณีที่ยืนไม่ได้ หรือ ไม่ทะลุ 1,780 จุด หุ้นไทยจะเข้าสู่ขาลงครั้งใหญ่ และจะเป็นขาลงต่อเนื่องยาวนานไปอีก 2-3 ปี โดยมีแนวรับแรกที่ 1,600 จุด และในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 จะมีโอกาสหลุดแนวรับดังกล่าวไปทำแนวรับใหม่ที่ 1,400 จุด เพราะข่าวดีเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ การอนุมัติโครงการต่าง ๆ ได้ดำเนินการไปในช่วงก่อนการเลือกตั้งแล้ว" นายวิวัฒน์ กล่าว

นอกจากนี้ ในปี 2562 ยังมีปัจจัยกดดันหุ้นไทยประเด็นเรื่องเม็ดเงินจาก LTF อาจจะไหลเข้าซื้อหุ้นไทยเป็นปีสุดท้าย แม้นักลงทุนบางส่วนยังไม่สามารถขายหุ้นออกมาได้ เพราะติดเงื่อนไขต้องถือกองทุนรวม LTF ให้ครบ 5 ปีปฏิทิน และ 7 ปีปฏิทิน แต่สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนรวม LTF ครบ 5 ปีปฏิทินแล้ว จะมีความตั้งใจขายหุ้นมากขึ้น ดังนั้น ปี 2562 อาจได้เห็นแรงขายจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ จากเคยซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องมาตลอด 5 ปี

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว