'บิ๊กตู่' ชู "โรงงานกระดาษไทย" เป็นแลนด์มาร์กใหม่กาญจนบุรี

07 พ.ย. 2561 | 06:49 น.
'บิ๊กตู่' ชู "โรงงานกระดาษไทย" เป็นแลนด์มาร์กใหม่กาญจนบุรี ขอแรงทุกฝ่ายร่วมมือรัฐบาล เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของการท่องเที่ยว

วันที่ 7 พ.ย. 2561 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  และคณะประกอบด้วย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.กาญจนบุรี


20181107111248

โดยนายกรัฐมนตรีและคณะสักการะศาลหลักเมือง และสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ก่อนปฏิบัติภารกิจ โดยมีนักเรียนโรงเรียนกาญจนานุเคราะห์และโรงเรียนเทศบาล 5 กว่า 1,000 คน ถือโบว์ริบบิ้นสีเขียวสัญลักษณ์เมืองสีเขียว แสดงให้เห็นว่าชาวกาญจนบุรีต้องการโรงงานกระดาษเพื่อปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะ ให้การต้อนรับและร้องเพลงความฝันอันสูงสุด พร้อมเปล่งเสียง "ลุงตู่สู้ ๆ" โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณผู้สูงอายุและนักเรียนที่มาให้การต้อนรับ จากนั้นคณะนายกฯ นั่งรถรางเยี่ยมชมกำแพงเมืองเก่า และได้วางอิฐโบราณกลับคืนสู่กำแพงเมือง เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นฟูดูแลมรดกของชาติร่วมกับชาวกาญจนบุรี ก่อนจะเดินทางไปพบประชาชนต่อไป


20181107110706

ถัดมา นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังโรงงานกระดาษไทย อ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมเยี่ยมชมลานศิลปวัฒนธรรม "ภูมิบ้าน ภูมิเมืองกาญจน์" วิถีชีวิตของชาวกาญจนบุรี พร้อมรับฟังบรรยายสรุปความสำคัญของศิลปวัฒนธรรม และความเป็นมาของโรงงานกระดาษไทย จากอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติชาวกาญจนบุรี

สำหรับ "โรงงานกระดาษไทย" เป็นโรงงานกระดาษแห่งที่ 2 ของประเทศไทย ใช้ผลิตกระดาษและธนบัตรในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2 โดยใช้ไม้ไผ่เป็นวัตถุดิบผลิตเยื่อกระดาษ เป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น ต่อมาประสบภาวะขาดทุน คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้ยกเลิกกิจการ เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2525 จากนั้นจึงได้ให้บริษัทเอกชนเช่าประกอบกิจการอุตสาหกรรมผลิตกระดาษจนครบสัญญาเช่า ทั้งนี้ ภาคประชาสังคมและภาคเอกชนรวมถึงจังหวัดกาญจนบุรีได้ยื่นข้อเสนอให้ทบทวนแนวทางการพัฒนาพื้นที่ โดยเสนอให้พัฒนาเป็นพื้นที่สาธารณะประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันและเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ของจังหวัด เนื่องจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นเขตโบราณสถานเมืองเก่าที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของ จ.กาญจนบุรี พร้อมกับขอรับการสนับสุนนให้กรมธนารักษ์อนุญาตให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรีใช้ประโยชน์เป็นสวนสาธารณะและแหล่งศึกษาเชิงประวัติศาสตร์ ผ่านการบริหารจัดการของคณะกรรมการร่วม 3 ภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ เอกชน และประชาชน


20181107111214

โอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับประชาชนตอนหนึ่งว่า จ.กาญจนบุรี เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ มีโบราณสถานหลายแห่งที่ได้พัฒนากลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ รวมถึงโรงงานกระดาษไทย ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ในช่วงสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 ถือเป็นโรงงานแห่งแรกในประเทศไทยที่ผลิตธนบัตรไทย เพื่อให้เป็นพื้นที่สาธารณะและแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ "ภูมิบ้าน ภูมิเมืองกาญจน์" รวมทั้งเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัด โดยการบริหารจัดการร่วมกันของทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนตามความต้องการของประชาชน ขอให้ประชาชนช่วยกันรักษามรดกอันล้ำค่านี้ไว้เพื่อส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นต่อไป และเพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ให้แก่เด็กและเยาวชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวและพี่น้องประชาชนโดยทั่วไป

ในส่วนของการส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าเกษตรปลอดภัย ให้เป็นเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ขอให้เกษตรปรับเปลี่ยนแนวคิดในการผลิตเกษตรอินทรีย์ พร้อมกับมอบหมายให้ภาครัฐส่งเสริมการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ภายในจังหวัด กลุ่มจังหวัด ในประเทศ และต่างประเทศ โดยต้องส่งเสริมให้มีการวางแผนการผลิตอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผลผลิตสามารถป้อนเข้าสู่ตลาดได้ตลอดทั้งปี ส่วนด้านคุณภาพชีวิต รัฐบาลพร้อมสนับสนุนและดำเนินงานให้สอดคล้องกับความต้องการของพี่น้องประชาชนในทุกด้าน รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในประเทศให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งเรื่องสุขภาพ การศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน รายได้ และการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะการที่จะทำอย่างไรจึงจะทำให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตที่ดีได้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการออกนโยบาย มาตรการ และโครงการต่าง ๆ เพื่อที่จะสนับสนุนและพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ให้กับพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โครงการสวัสดิการผู้สูงอายุ เป็นต้น พร้อมกับขอให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและโทรศัพท์ในการค้นหาความรู้ให้ได้มากที่สุด อย่าไปใช้เพื่อสร้างความขัดแย้ง และมีหลักคิดที่ดี มีความเข้าใจ อย่างเป็นกระบวนการ พร้อมฝากให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานให้ดี และฝากครูสอนให้นักเรียนรู้จักคิดวิเคราะห์ให้เป็น แนะนำให้นักเรียนค้นหาตัวเองให้เจอ เพื่อจบมาแล้วจะได้มีงานทำสามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว รวมทั้งฝากให้ส่วนท้องถิ่นดูแลประชาชนในพื้นที่ โดยไม่เลือกว่าจะเชื้อชาติไหน เพราะล้วนเป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น และขอให้ช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับประเทศต่อไป


20181107110745

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ นั่งรถรางเยี่ยมชมชุมชนถนนปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี ซึ่งเป็นชุมชนเก่าที่มีลักษณะการตั้งถิ่นฐานตามริมฝั่งแม่น้ำ เป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่สำคัญในอดีต โดยขบวนรถได้วิ่งผ่านบ้านแต้มทอง ซึ่งเป็นอาคารตึกหลังแรกของ จ.กาญจนบุรี และบ้าน พ.ท.บุญผ่อง สิริเวชชะพันธ์ อดีตนักธุรกิจและนายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี วีรบุรุษที่ได้รับการยกย่องจากชาติสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2 พร้อมทั้งเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์หอประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวพบปะผู้นำชาวเรือชาวแพ จ.กาญจนบุรี ว่า ขอให้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็น มลพิษทางน้ำ ทางเสียง ต้องช่วยกันเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตและเพื่อลูกหลาน พร้อมกับขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับ ตามกฎหมาย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่า การจัดระเบียบของรัฐบาลไม่ต้องการทำลายธุรกิจ ไม่ได้รังแกใครให้เกิดความวุ่นวาย ทั้งนี้ ก็เพื่อภาพลักษณ์ที่ดี ซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมการท่องเที่ยวต่อไป และการแก้ไขปัญหาจะแก้ได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกคน

เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้ลงเรือเพื่อสำรวจและรับฟังปัญหาเรื่องแพรุกล้ำลำน้ำ 2 ฝั่งแม่น้ำ ของ จ.กาญจนบุรี รวมทั้งปัญหาอื่น ๆ เกี่ยวกับแพ ได้แก่ ไม่สามารถขออนุญาตจอดแพได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากไม่มีหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ ความแออัดของแพจอดในลำน้ำที่มีจำนวนมาก การสร้างมลพิษทางน้ำ และสร้างมลภาวะทางเสียง เป็นต้น

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว