'พอร์โตฟิโน' (Portofino) ถือเป็นรถที่เฟอร์รารี่ตั้งใจให้เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันในการทำยอดขาย หรือ สร้างความสนใจให้กับลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ซึ่งการทำตลาดในไทยโดย
"คาวาลลิโน มอเตอร์" คาดว่า รุ่นนี้จะมีสัดส่วนขาย 25% จากรถทุกรุ่น
สปอร์ตคาร์ราคาถูกที่สุดของเฟอร์รารี่ เครื่องยนต์พลังแรง แต่ขับขี่ง่าย ช่วงล่าง การควบคุม เนียนสบาย ๆ ใครอยากลองเป็นเจ้าของ
'เฟอร์รารี่' สักคัน เริ่มจากโมเดลนี้ได้
Portofino เป็นสปอร์ตคาร์เปิดประทุน เข้ามาทำตลาดแทน
'แคลิฟอร์เนีย' เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในเมืองไทยช่วงกลางปีที่ผ่านมา ราคาประมาณ 20.9 ล้านบาท (ขึ้นอยู่กับค่าเงินยูโร) ใครจองช่วงแรก ๆ ตอนนี้ก็มีรถพร้อมส่งมอบแล้วละครับ
ล่าสุด
"คาวาลลิโน มอเตอร์" จัดทริปทดสอบรถประจำปี Esperienza Ferrari Thailand 2018 ซึ่งปีนี้ใช้เส้นทางระยอง-จันทบุรี หลังจากปีก่อน ๆ ยกทีมงานไปจัดที่เชียงรายบ้าง ประจวบคีรีขันธ์บ้าง ปีนี้เปลี่ยนอารมณ์มาสัมผัสลมทะเลในภาคตะวันออก กับรถ 2 รุ่น คือ GTC4 Lusso T และ Portofino
เฟอร์รารี่จัดให้รถยนต์ 2 รุ่นนี้ อยู่ในกลุ่มแกรนด์ทัวริสโม่ (GT : Grand Turismo) ที่จากนี้ไปจะเน้นการทำตลาดอย่างเข้มข้น และหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ คือ การให้ลูกค้าได้ลองขับ สัมผัสนั่ง เปิดประสบการณ์การขับขี่จริง ซึ่งกลุ่มเป้าหมายร้อยทั้งร้อยถ้าเลือกมาลองขับเฟอร์รารี่แล้วมีโอกาสเสียเงินสูง เพียงแต่คิดหนักว่าจะไปเครื่อง วี8 เทอร์โบ หรือ ขยับไปเล่น วี12 ดีกว่ากัน
ประเด็นเลือกเครื่องยนต์กับ Portofino ไม่มีปัญหาครับ เพราะตอนนี้มีบล็อกเดียว คือ วี8 ขนาด 3.9 ลิตร เทอร์โบ (
บล็อกเดียวกับ แคลิฟอร์เนีย ที แต่ปรับเรี่ยวแรงมากขึ้น)
ผมได้ลอง Portofino ในช่วงบ่าย ขับจากเนินนางพญากลับมา จ.ระยอง หลังประจำการหลังพวงมาลัย สิ่งแรกที่ทำ คือ กดปุ่มเปิดหลังคา ซึ่งเป็นหลังคาแข็งแบบ Retractable กางออกและพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า ภายใน 14 วินาที
หลังจากขับกินลมชมทะเลได้สักพัก ก็ได้เวลาออกไปลองบนถนนหลวงสุขุมวิท การใช้ความเร็วประมาณ 90-100 กม./ชม. (
แต่ไม่ได้ลดกระจกลง) ผมกับ คุณอาคม รวมสุวรรณ จากไทยรัฐออนไลน์ ยังคุยกันรู้เรื่องแบบไม่ต้องตะโกน แสดงให้เห็นถึงการออกแบบรถกับประสิทธิภาพในการจัดการทิศทางลมได้เป็นอย่างดี
รถแหวกอากาศพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วด้วยพลังจากขุมพลัง วี8 ซึ่งเฟอร์รารี่ไม่เหนียมอายในการใช้เทอร์โบมาช่วยรีดพลัง เพราะเรื่องใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ทุกวันนี้ ยังมีเป้าหมาย คือ การลดมลพิษ ที่มีความสำคัญพอ ๆ กับเรื่องสมรรถนะ
ม้าในคอก 600 ตัว และแรงบิด 760 นิวตัน-เมตร ถูกบริหารจัดการลงสู่ล้อหลังด้วยเกียร์ดูอัลคลัตช์ 7 สปีด พร้อมระบบ Electronic Rear Differential (E-Diff 3) เทคโนโลยีจากสนามแข่งฟอร์มูล่าวัน ที่ช่วยให้การเข้า-ออกโค้งเฉียบคมมากขึ้น สัมผัสถึงความกระปรี้กระเปร่าจากอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.5 วินาที พร้อมเสียงท่อคำรามแปลกหู
ขณะที่ ความสูงจากพื้นไม่ได้ตํ่าเตี้ยมาก เมื่อเทียบกับเฟอร์รารี่สายโหดรุ่นอื่น ๆ ดังนั้น ถ้าการใช้งานในชีวิตประจำวันขับในโหมดคอมฟอร์ดยังคล่องแคล่วสะดวกสบาย ส่วนการขับในโหมดสปอร์ต (
เปลี่ยนโหมดบนพวงมาลัย) ช่วงล่างและการควบคุมหนักแน่นขึ้นมาเล็กน้อย สอดคล้องกับพละกำลังรอบเครื่องยนต์และตำแหน่งเกียร์ที่จัดจ้านมากขึ้น
ผลผลิตจากมาราเนลโลคันนี้ เมื่อปิดหลังคาก็เหมือนขับรถจีที หรือ รถคูเป้ 2+2 ที่นั่งครับ คือ ใช้งานดีสำหรับการวิ่งทางไกล แต่เหมาะสำหรับการเดินทางแค่ 2 คน มากกว่า
รวบรัดตัดความ ... ใครอยากเลี้ยงม้าอิตาลีสัก 600 ตัว (
ม้าคอกนี้แข็งแรงทุกตัว) ราคาประมาณ 21 ล้านบาท ถือเป็นสปอร์ตคาร์ในระดับเริ่มต้นของเฟอร์รารี่ที่ออกแบบมาให้ใช้ขับขี่ได้จริงในชีวิตประจำวัน หรือ วิ่งทางไกลต่างจังหวัด สมรรถนะก็เฉียบขาดมาดขุนพล ซึ่ง
"คาวาลลิโน มอเตอร์" ไม่หวงรถครับ ใครสนใจเขายินดีให้ลองเต็มที่ แต่ที่น่าห่วง คือ ในโรงรถคุณยังมีที่จอดเหลือไหม
โดย กรกิต กสิคุณ
หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,416 วันที่ 8 - 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561