ร้องศาลปกครองเปิดคลังLPG ‘เอ็นเอสแก๊ส’โอดเสียหาย77ล.

12 พ.ย. 2561 | 11:47 น.
“เอ็นเอสแก๊ส แอลพีจี” ยื่นศาลปกครองหวังเปิดใช้คลังแอลพีจีและท่าเทียบเรือ ต.แหลมใหญ่ โอดสร้างเสร็จตั้งแต่ต้นปี 2561 แต่ไม่สามารถเปิดใช้ได้ รับภาระขาดทุนแล้ว 77 ล้านบาท “จรูญ” ยันได้รับใบอนุญาตจากกรมเจ้าท่าแล้ว หวังเปิดใช้ได้ใน 1-2 เดือนข้างหน้า

ความคืบหน้าโครงการคลังก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) และท่าเทียบเรือ ที่ต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ของบริษัท เอ็นเอสแก๊ส แอลพีจี จำกัด หลังก่อนหน้านี้ถูกชาวบ้านร้องเรียนโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือรุกลํ้าเข้าลำนํ้าสาธารณะนั้น ล่าสุดมีตัวแทนชาวบ้าน โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เป็นแกนนำ ยื่นหนังสือถึงศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ ทำเนียบรัฐบาลเพื่อขอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) ใช้อำนาจในการยกเว้นมติ ครม.วันที่ 15 ธันวาคม 2530 เพื่อให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) อนุมัติหรืออนุญาตให้บริษัท เอ็นเอสแก๊สฯ สามารถใช้พื้นที่ป่าชายเลนเป็นทางผ่านสำหรับการวางท่อก๊าซปิโตรเลียมที่เข้ามาก่อสร้างคลังก๊าซในพื้นที่ LPG

นายจรูญ เอี่ยมสะอาด ประธานกรรมการ บริษัท เอ็นเอสแก๊ส แอลพีจี จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า โครงการคลังแอลพีจีและท่าเทียบเรือของ บริษัท มูลค่า 700 ล้านบาท ก่อสร้างเสร็จตั้งแต่ต้นปี 2561 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถเปิดใช้เชิงพาณิชย์ได้ เนื่องจากยังติดคำสั่งห้ามใช้พื้นที่ ส่งผลให้ตั้งแต่โครงการสร้างเสร็จแต่ไม่สามารถเปิดใช้ได้ ทำให้เกิดความเสียหายแล้วประมาณ 7 ล้านบาทต่อเดือนหรือราว 77 ล้านบาท นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2561

[caption id="attachment_343411" align="aligncenter" width="503"] จรูญ เอี่ยมสะอาด จรูญ เอี่ยมสะอาด[/caption]

 

ปัจจุบันบริษัท ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครอง เพื่อคุ้มครองชั่วคราว ยกเลิกคำสั่งห้ามใช้พื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้สามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ ซึ่งส่วนตัวคาดหวังว่าจะสามารถเปิดใช้ได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทมีโฉนดและใบอนุญาตจากกรมเจ้าท่าแล้ว หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว จะทำให้บริษัทสามารถเปิดดำเนินการได้

สำหรับโครงการคลังแอลพีจีดังกล่าว มีจำนวน 4 ใบ สามารถรองรับแอลพีจีได้ 2 พันตันต่อใบ หรือรองรับแอลพีจีรวม 8 พันตัน โดยบริษัทมีความต้องการใช้ประมาณ 1 พันตันต่อเดือน ส่วนที่เหลือจะเปิดให้ผู้ประกอบการรายอื่นที่ต้องการนำเข้าแอลพีจีเช่า ซึ่งที่ผ่านมาภายหลังจากกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ประกาศเปิดเสรีนำเข้าก๊าซแอลพีจีเสรี ทำให้มีผู้ประกอบการหลายรายเข้ามาสอบถามและต้องการเช่าคลังดังกล่าว เนื่องจากในภาคตะวันตก คลังที่มีอยู่ก็เต็มหมดแล้ว ดังนั้นโครงการดังกล่าวจึงสามารถรองรับการนำเข้าแอลพีจีได้ในอนาคต

[caption id="attachment_346099" align="aligncenter" width="335"]  เพิ่มเพื่อน [/caption]

นอกจากนี้ ปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเริ่มลดลง ทางกระทรวงพลังงานเองก็ต้องการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน รวมถึงการเพิ่มปริมาณสำรองก๊าซแอลพีจีด้วย จากปัจจุบันอยู่ที่ 1% และเป็น 2.5% ภายในปี 2564 ซึ่งบริษัทก็ปฏิบัติตามนโยบายของภาครัฐ ลงทุนโครงการ 600-700 ล้านบาท นับว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการนำเข้าแอลพีจีในอนาคต เพื่อป้องกันการขาดแคลนแอลพีจีในประเทศ ขณะเดียวกันการก่อสร้างโครงการคลังและท่าเทียบเรือต้องใช้ระยะเวลาก่อสร้างหลายปี

“ตอนนี้บริษัท รอคำสั่งศาลปกครอง เราคาดหวังว่าจะสามารถเปิดใช้คลังได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทดำเนินตามขั้นตอน มีใบอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ซึ่งชาวบ้านเห็นว่าโครงการสร้างเสร็จนานแล้ว แต่ทำไมยังไม่เปิดใช้ จึงรวมตัวกันเพื่อให้ภาครัฐเร่งช่วยเหลือเนื่องจากโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชน เศรษฐกิจ มีการจ้างงานในพื้นที่ ที่ผ่านมาบริษัทพัฒนาถนนให้ดีขึ้น ส่งเสริมการท่องเที่ยว ชาวบ้านสามารถขายสินค้าเกษตรได้ รวมทั้งชาวบ้านที่มีอาชีพด้านเดียวคือประมง ก็สามารถทำงานกับเราได้ ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น” นายจรูญ กล่าว

 

หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่38  ฉบับที่ 3,416 วันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2561

595959859