จีนย้ำจุดยืนเปิดตลาดเสรี ตั้งเป้า15ปีนำเข้าสินค้าเพิ่ม 30 ล้านล้านดอลล์

10 พ.ย. 2561 | 08:54 น.
งาน ไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล อิมพอร์ต เอ็กซ์โป (China International Import Expo: CIIE) หรือที่บางสื่อเรียกสั้นๆว่างาน “เซี่ยงไฮ้ อิมปอร์ต เอ็กซ์โป” เนื่องจากจัดขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้ และมีขึ้นเป็นครั้งแรกระหว่างวันที่ 5-10 พฤศจิกายนนี้ จัดโดยกระทรวงพาณิชย์จีนร่วมกับรัฐบาลนครเซี่ยงไฮ้ เพื่อให้เป็นเวทีแสดงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศจีนและประเทศต่างๆ ตลอดจนสนับสนุนการค้าเสรีและการเติบโตของเศรษฐกิจโลกตามที่ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ได้ประกาศไว้ในที่ประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation เมื่อปีที่ผ่านมา (2560)

งานนี้มีความสำคัญหลายประการ 1 คือ เนื่องจากจีนซึ่งเป็นผู้จัด เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก (รองจากสหรัฐอเมริกา) ทั้งยังเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก เป็นตลาดที่ยังคงมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ (แม้จะในอัตราที่ชะลอลงก็ตาม) นี่จึงเป็นเวทีที่ประเทศผู้ส่งออกที่มองเห็นถึงศักยภาพของตลาดจีนจะได้นำสินค้าเข้ามาพบกับผู้นำเข้าของจีนโดยตรง ซึ่งในการจัดครั้งแรกนี้ มีบริษัทจากนานาประเทศเข้าร่วมถึง 3,000 ราย

และ 2 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ตั้งใจใช้เวทีงาน CIIE นี้ประกาศถึงจุดยืนและความพร้อมของจีนในการที่จะสนับสนุนระบบการค้าโลกแบบพหุภาคี แสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อเติบโตไปด้วยกันบนพื้นฐานของการสร้างสรรค์ประโยชน์ร่วมกัน งานนี้จึงมีผู้แทนรัฐบาลจากนานาประเทศเข้าร่วมเป็นสักขีพยานและขณะเดียวกันก็แสดงถึงพลังของพันธมิตรฝ่ายจีนเช่นกัน

นอกจากนี้ หลายฝ่ายยังจับตาถึงเนื้อหาสาระของปาฐกถาเปิดงานของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ต้องการสื่อถึงประชาคมโลก ซึ่งนักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยมองว่าผู้นำจีนต้องการส่งสัญญาณบางอย่างถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ผ่านเวทีงาน CIIE นี้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นงานใหญ่ที่สื่อต่างประเทศสนใจติดตามนำเสนอข่าวสารเผยแพร่ไปทั่วโลกและสิ่งที่ผู้นำจีนพูดในวันเปิดงานนี้ก็จะดังไกลไปถึงผู้นำสหรัฐฯ ที่มีกำหนดจะพบปะกันอย่างเป็นทางการในงานประชุมกลุ่มจี 20 ที่กำลังจะมีขึ้นที่ประเทศอาร์เจนตินาปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ หลายฝ่ายจับตาใกล้ชิดว่าผู้นำจีนและสหรัฐฯจะมีท่าทีต่อกันอย่างไรโดยเฉพาะในเรื่องสงครามการค้าที่กำลังร้อนระอุและเริ่มส่งผลกระทบขยายวงกว้าง

[caption id="attachment_343185" align="aligncenter" width="478"] สี จิ้นผิง สี จิ้นผิง[/caption]

มีเนื้อหาบางอย่างจากเวทีเปิดงาน CIIE ที่นักวิเคราะห์ถอดรหัสแล้วมองว่า นี่คือการส่งสัญญาณเชิงบวกหรือข้อเสนอที่ประนีประนอมจากผู้นำจีนตรงไปยังผู้นำสหรัฐฯ ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะได้เจอกันตัวต่อตัวปลายเดือนนี้

สัญญาว่าจะเปิดตลาดมากขึ้น   

หนึ่งในสิ่งที่บริษัทต่างชาติเรียกร้องจากจีนเสมอมาคือ การเปิดตลาดมากขึ้นทั้งด้านสินค้าและบริการ รวมทั้งการเปิดกว้างสำหรับต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุนในจีน

ในปีที่ผ่านมา (2560) รัฐบาลจีนได้ปรับลดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าเกือบ 200 รายการ จากที่อัตราเฉลี่ย 17.7% มาอยู่ที่ประมาณ 7.7% เท่านั้น และในปีนี้ (2561) ก็ยังได้ปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าลงมาแล้วถึง 3 ครั้งครอบคลุมสินค้าจากต่างประเทศหลากหลายรายการ ทั้งยังระบุว่า จะยกเลิกภาษีหรือลดลงเหลือ 0% สำหรับสินค้าบางรายการที่นำมาจัดแสดงอยู่ภายในงาน แต่กระนั้นนักวิเคราะห์ระบุว่า อุปสรรคการค้าที่ไม่ได้อยู่ในรูปภาษี หรือ non-tariff bariers (NTBs) ของจีนก็ยังมีอยู่อีกมาก

ในปาฐกถาเปิดงานครั้งนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวยํ้าว่า จีนมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องชั่วครู่ชั่วคราวแต่เป็นนโยบายระยะยาว ดังนั้นในระยะ 15 ปีข้างหน้า จีนตั้งเป้าจะเพิ่มมูลค่าการนำเข้าสินค้าและบริการให้ทะลุระดับ 30 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ นอกจากนี้ ในส่วนของการเปิดตลาดให้กับการลงทุนต่างชาติที่ได้มีการประกาศมาตรการต่างๆไว้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะนี้ได้เริ่มในภาคปฏิบัติแล้ว เช่น ลดสิ่งที่เคยเป็นข้อจำกัดการลงทุนลงมา และทำให้เงื่อนไขการลงทุนกระชับ ง่าย สะดวกสบายมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะเปิดตลาดมากขึ้นให้กับบริการในภาคการเงิน ที่ต่างชาติเรียกร้องมาตลอด รวมทั้งอุตสาหกรรมภาคบริการด้านอื่นๆ เช่น ด้านโทรคมนาคม การศึกษา วัฒนธรรม และบริการด้านสุขภาพอนามัย ผู้นำจีนยังให้คำมั่นว่าจะเปิดตลาดเสรีมากขึ้นในภาคการเกษตร เหมืองแร่ และอุตสาหกรรมการผลิต นอกจากนี้ ยังจะให้ความคุ้มครองผลประโยชน์ของบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในจีนให้มากขึ้น รวมทั้งจะเร่งเอาผิดและลงโทษผู้ที่ล่วงละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นปัญหาที่บริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา กล่าวโทษฝ่ายจีนมาโดยตลอด

แม้ถ้อยแถลงของผู้นำจีนจะไม่ได้มีมาตรการใหม่ๆ หรือความริเริ่มใหม่ๆมาประกาศเรียกความฮือฮา แต่ก็มีความหมายในแง่ที่ว่านี่คือการตอกยํ้าถึงท่าทีและความตั้งใจของจีนที่จะเปิดตลาดของตัวเองมากขึ้น และบทบาทการเป็นฟันเฟืองตัวหนึ่งของระบบการค้าเสรีที่จะขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในภาพรวม

ในปีที่ผ่านมา จีนนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศคิดเป็นมูลค่า 1.84 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในจำนวนนั้นประมาณ 1.3 แสนล้านดอลลาร์เป็นการนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา จีนคาดหมายว่าในระยะ 5 ปีข้างหน้า มูลค่าการนำเข้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งหลายฝ่ายก็หวังให้เป็นเช่นนั้น ซึ่งนั่นหมายความว่า ภาวะสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯจะต้องคลี่คลายลงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

รายงาน | หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,416 ระหว่างวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2561

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว

090861-1927-9-335x503-8-335x503