กกต. ประกาศ 436 องค์กร มีสิทธิเสนอชื่อ "ผู้สมัคร ส.ว."

06 พ.ย. 2561 | 04:30 น.
กกต. ประกาศ 436 องค์กร มีสิทธิเสนอชื่อผู้สมัคร ส.ว. แล้ว ตัดสิทธิ 40 องค์กร ไม่ประกาศสหกรณ์เป็นองค์กรที่มีสิทธิ์เสนอชื่อ 23 องค์กร หลังวินิจฉัยเป็นองค์กรมุ่งแสวงหาผลกำไร แต่พร้อมรับหากมีการร้องคัดค้าน ส่ง กกต.จังหวัดทั่วประเทศ ติดประกาศ ยื่นคัดค้านใน 3 วัน



ประธาน กกต.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยประกาศ กกต. ผ่านเว็บไซต์ หลังจากเมื่อวานนี้ (5 พ.ย. 61) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ได้ลงนามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง "รายชื่อองค์กรที่มีสิทธิแนะนำชื่อบุคคลเพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา" หลังจากที่ประชุม กกต. ได้พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติและให้ความเห็นชอบจากองค์กรที่ยื่นลงทะเบียนทั้งสิ้น 476 องค์กร

มีองค์กรที่ได้รับการประกาศชื่อให้มีสิทธิแนะนำชื่อบุคคลเพื่อสมัครเป็น ส.ว. ทั้งสิ้น 436 องค์กร แยกเป็น 1.กลุ่มบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง 52 องค์กร, 2.กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม 15 องค์กร, 3.กลุ่มการศึกษาและการสาธารณสุข จำนวน 88 องค์กร, 4.กลุ่มอาชีพกสิกรรม ปลูกพืชล้มลุก ทำนา ทำสวน ทำไร่ ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง 57 องค์กร, 5.กลุ่มพนักงานหรือลูกจ้าง หรือบุคคลซึ่งมิใช่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ผู้ใช้แรงงาน ผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ จำนวน 18 องค์กร

6.กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านสิ่งแวดล้อม ผังเมือง อสังหาริมทรัพย์ และสาธารณูปโภค ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร การพัฒนานวัตกรรม 15 องค์กร, 7.กลุ่มผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อมตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น และผู้ประกอบกิจการอื่น ๆ ผู้ประกอบธุรกิจหรืออาชีพด้านการท่องเที่ยว 35 องค์กร, 8.กลุ่มสตรี ผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น ประชาสังคม องค์กรสาธารณประโยชน์ 83 องค์กร, 9.กลุ่มศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี การแสดงและบันเทิง นักกีฬา สื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์ วรรณกรรม จำนวน 38 องค์กร และ 10 กลุ่มอื่น ๆ จำนวน 35 กลุ่ม

ส่วนอีก 40 องค์กร ที่ไม่ได้รับการประกาศชื่อในจำนวนนี้ มากถึง 23 องค์กร เป็นประเภทสหกรณ์ ซึ่งที่ประชุม กกต. มีมติตามที่สำนักงานฯ เสนอว่า แม้ตามกฎหมายจัดตั้งสหกรณ์จะไม่เป็นองค์กรที่มุ่งแสวงหาผลกำไร แต่พฤติการณ์ที่มีผลประโยชน์มาแบ่งปันกัน จึงถือเป็นองค์กรที่มุ่งแสวงหาผลกำไร เข้าลักษณะต้องห้ามขององค์กรที่มีสิทธิจะแนะนำชื่อบุคคลสมัครเป็น ส.ว. ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือก ส.ว. 2561 ข้อ 4 สำหรับที่เหลือเป็นสมาคม สหภาพแรงงาน ที่ยื่นเอกสารไม่ครบตามระเบียบ กกต. หรือจัดตั้งองค์กรมายังไม่ครบ 3 ปี

อย่างไรก็ตาม ในกรณีมติ กกต. วินิจฉัยว่า สหกรณ์เป็นองค์กรที่มุ่งแสวงหาผลกำไร จึงขาดคุณสมบัติในการเสนอชื่อผู้สมัคร ส.ว. นั้น อาจมีปัญหาโต้แย้งตามมา เนื่องจากเมื่อปี 2551 กกต. เคยได้รับหนังสือตอบข้อหารือจากอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ในขณะนั้น กรณีการสรรหา ส.ว. ยืนยันว่า สหกรณ์ไม่ได้เป็นองค์กรที่ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ไม่ใช่องค์กรที่มุ่งแสวงหาผลกำไร ถึงจะมีการจัดสรรกำไรสุทธิตามมาตรา 60 ของ พ.ร.บ.สหกรณ์ 2542 ก็เพื่อให้สหกรณ์ดำรงอยู่ช่วยเหลือกัน และการคืนผลประโยชน์พึงได้กลับไปให้สมาชิกก็เป็นไปตามวิธีการสหกรณ์ ที่เรียกว่า 'กงสี' ไม่ใช่การมุ่งแสวงหาผลกำไรเช่นองค์กรธุรกิจทั่ว ๆ ไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังประธาน กกต. ได้ลงนามประกาศ กกต. ดังกล่าวแล้ว สำนักงานได้มีหนังสือด่วนที่สุดแจ้งไปยังผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานคร ให้ปิดประกาศรายชื่อองค์กรที่มีสิทธิแนะนำชื่อบุคคลเพื่อสมัครรับเลือกเป็น ส.ว. ทั้ง 436 องค์กร ให้ประชาชนทราบ ซึ่งจะเริ่มปิดประกาศตั้งแต่วันนี้ (6 พ.ย. 61) และหากจังหวัดใดมีองค์กรที่ไม่ได้รับการประกาศรายชื่อเป็นองค์กรที่มีสิทธิแนะนำชื่อบุคคลเพื่อสมัครรับเลือกเป็น ส.ว. ให้ ผอ.กกต.จังหวัด แจ้งให้องค์กรนั้นทราบ โดยให้ระบุถึงเหตุผลของการขาดคุณสมบัติ เพื่อที่องค์กรนั้น ๆ จะได้ยื่นคำร้องคัดค้านมาภายใน 3 วัน เมื่อ ผอ.กกต.จังหวัด ได้รับคำร้องคัดค้านแล้ว ให้เร่งตรวจสอบและเสนอความเห็นกลับมายัง กกต. ภายใน 3 วัน นับแต่วันได้รับคำร้องคัดค้าน เพื่อให้ กกต. พิจารณาวินิจฉัยต่อไป

595959859