"ซีอีโอบ้านปู" กางแผน! ปั๊มรายได้ทะลุแสนล้าน

04 พ.ย. 2561 | 11:11 น.
041161-1811

เพิ่งออกมาประกาศตัวอย่างเป็นทางการไป สำหรับการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU บริษัทพลังงานสัญชาติไทย ที่มีอายุกว่า 35 ปี นำเสนอพันธสัญญาใหม่ "Our Way in Energy : พลังบ้านปูฯ สู่พลังงานที่ยั่งยืน" เพื่อตอบโจทย์ 3 ด้านหลัก คือ ความต้องการพลังงานสะอาด การบริหารห่วงโซ่อุปทานให้สั้นลง (Supply Chain) และการเชื่อมโยงผ่านดิจิตอล

สมฤดี25

"ฐานเศรษฐกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "สมฤดี ชัยมงคล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ถึงการเคลื่อนไหวของบ้านปูในช่วงที่ผ่านมาและมองแนวโน้มปี 2562 โดยเฉพาะสถานการณ์ราคาถ่านหิน ที่มองกันว่าปีนี้ไปถึงปีหน้าจะยืนอยู่ในระดับราคาขาขึ้นต่อเนื่อง!

โฟกัสธุรกิจบ้านปู
ซีอีโอบ้านปูมองภาพรวมของธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา ว่า ในเรื่องของธุรกิจต้นน้ำที่ทำอยู่แล้ว คือ ธุรกิจถ่านหิน ซึ่งต้นน้ำที่เราเติมใหม่เข้ามาตามแผนกลยุทธ์ Greener & Smarter ก็คือ เรื่องของเชลล์แก๊ส ที่เราทำเฉพาะในอเมริกา และด้วยความที่เทคโนโลยีด้านพลังงานไปไกล เราก็มีธุรกิจที่จัดว่าเป็นต้นน้ำอีกธุรกิจหนึ่ง คือ พลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา หรือ โซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop)

ส่วนกลางน้ำที่เป็นธุรกิจเกี่ยวข้องกับถ่านหิน จะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการบริหารการขนส่ง การจัดซื้อถ่านหินจากผู้ผลิตรายอื่น ๆ มาขาย หรือ ที่เป็นธุรกิจที่เรียกว่า ธุรกิจค้าถ่านหิน (Coal Trading) และเป็นการจัดหาน้ำมันเพื่อใช้เอง ตรงนี้จะเกี่ยวข้องกับถ่านหิน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับแก๊ส แต่แก๊สเราทำเฉพาะที่อเมริกา สำหรับกลางน้ำในธุรกิจที่เกี่ยวกับสมาร์ทที่ต่อเนื่องมาจากโซลาร์รูฟนั้น กลางน้ำก็เป็นในเรื่องที่เกี่ยวกับระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System : ESS) มาใช้ในการควบคุมการผลิต การส่ง และการกักเก็บพลังงาน เพื่อให้การใช้พลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมการใช้ไฟฟ้าในรถยนต์ (Electric Vehicle) ซึ่งตอนนี้บ้านปูมีการลงทุนใน บริษัท เอ็น อาร์ ทีฯ ที่สิงคโปร์ ผลิตแบตเตอรี่ ขายแบตเตอรี่นี้ไปในยุโรป ญี่ปุ่น ในไทยก็มีเข้ามาขาย เป็นแบตเตอรี่รถยนต์และรถบัส

ฉะนั้น กลางน้ำก็จะมีตั้งแต่การจัดซื้อจัดหา การผสมถ่านหิน การขนส่งถ่านหิน รวมทั้งธุรกิจ Coal Trading ด้วย รวมถึงที่เป็นสมาร์ทเอ็นเนอร์ยีเกี่ยวกับเอ็นเนอร์ยีเทคโนโลยี ก็จะเป็นเรื่องของอิเล็กทริกเทคนิคัล เรื่องของ Energy Storage เพื่อทั้งหมดนี้จะไปซัพพอร์ตธุรกิจปลายน้ำ

ส่วนธุรกิจปลายน้ำ คือ ในเรื่องของโรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้าก๊าซเหล่านี้จะเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่เติมเข้ามาในปลายน้ำนี้ก็จะเป็นโซลาร์ฟาร์ม วินฟาร์ม ผลิตเป็นไฟฟ้าเข้ามา และสุดท้ายเป็นเรื่องของสมาร์ทซิตี (Smart City) หรือ เมืองอัจฉริยะ เป็นรูปแบบการประยุกต์เทคโนโลยีดิจิตอล ซึ่งจะรวมทุกอย่างจากต้นน้ำ กลางน้ำ มาเป็นปลายน้ำ ซึ่งตอนนี้บ้านปูก็เดินไปตามภาพนี้ ที่เราใช้ชื่อกลยุทธ์ "Greener & Smarter"

สถานการณ์ถ่านหิน
สำหรับราคาถ่านหินปีนี้ ยืนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ราคาขยับขึ้นมาตั้งแต่ปลายปี 2560 ต่อเนื่องมาถึงปีนี้ โดยขึ้นมาอยู่ที่ระดับเลข 3 หลัก ตลอดทั้งปีนี้ราคาเฉลี่ยน่าจะวิ่งอยู่ที่ 106-107 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน เทียบกับปีที่ผ่านมา ราคาเฉลี่ยทั้งปีในตลาดโลกอยู่ที่ 85-90 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ส่วนราคาของบ้านปู เมื่อปีที่แล้วราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 72 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ปีนี้ราคาเฉลี่ยน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 15% เป็นขั้นต่ำ สอดคล้องกับรายได้รวมปี 2561 บ้านปูคาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 20% โดยรายได้แตะที่หลักแสนล้านบาทได้แล้ว เปรียบเทียบจากปีที่แล้วที่มีรายได้ราว 97,000 ล้านบาท

กรอบคำพูด 2.indd

อย่างไรก็ตาม การเติบโตในปี 2561 นี้ มาจาก 2 ส่วนหลัก คือ 1.ราคาขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น 2.เรามีรายได้จากการขายก๊าซธรรมชาติจากชั้นหินดินดาน หรือ เชลล์แก๊สในประเทศ ที่เป็นธุรกิจใหม่ที่เข้ามาเต็มที่มากขึ้น หลังจากที่เราเข้าไปลงทุนในธุรกิจดังกล่าวมาแล้ว 2 ปี ที่เหลือก็จะเป็นส่วนรายได้อื่นที่เพิ่มเข้ามา เช่น การลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากประเทศญี่ปุ่นและที่จีนที่เพิ่มเข้ามา แต่ยังเป็นสัดส่วนที่ยังไม่ใหญ่มากนัก

ดังนั้น ถ้าดูในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ ธุรกิจเรายังเดินไปได้ตามแผนกลยุทธ์ระยะยาวที่เราวางไว้ โดยส่วนใหญ่ที่ผ่านมา บ้านปูจะลงทุนในต่างประเทศมากกว่า 90% เราเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย จีน อเมริกา โดยรวมออกไปลงทุนนอกบ้านแล้วราว 9 ประเทศ และขณะนี้ เพิ่งเป็นช่วงแรก ๆ ที่บ้านปูลงทุนในไทยมากขึ้น โดยจะล้อไปตามแผนพัฒนาของรัฐบาลในด้านนโยบายพลังงาน

โดยเฉพาะการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ที่ยังให้ความสำคัญต่อเนื่อง เช่น มีการลงทุนอยู่แล้วในโรงไฟฟ้า BLCP ซึ่งมีพื้นที่ตรงนี้ 600 ไร่ ที่เราสามารถขยายการลงทุนได้อีก

บ้านปู มองว่า ด้วยตลาดโลกมีความผันผวน ความท้าทายในปัจจัยภายนอกหลายอย่างที่เข้ามา ทั้งเรื่องสงครามการค้าระหว่างอเมริกากับจีน เรื่องของราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย และนโยบายหลัก ๆ ของประเทศที่เป็นผู้นำทางเศรษฐกิจเหล่านี้ เป็นปัจจัยภายนอกที่มีความท้าทายอยู่ ฉะนั้น ความเคลื่อนไหวของราคาหลักทรัพย์ในทุกตลาดหลักทรัพย์ก็จะได้รับทั้งผลดีและผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งประเทศไทยเราก็เป็นหนึ่งที่ได้รับผลจากความผันผวนของความท้าทายนี้ ดังนั้น ถ้ามองในแง่ปัจจัยพื้นฐาน ตัวบริษัทบ้านปูดีอยู่แล้ว มีการเติบโตที่มั่นคง ยั่งยืน มีกำไรที่เติบโตขึ้น และมีการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ ทั้งหมดนี้ทำให้ตัวบ้านปูให้การเติบโตที่ดีกับนักลงทุน

 

จับตาราคาถ่านหินปีหน้า
ราคา ณ ปัจจุบันนี้ เราถือว่าเป็นราคาที่ดีมากพอสมควรสำหรับธุรกิจถ่านหิน ฉะนั้น ที่ราคาเป็นตัวเลข 3 หลักแบบนี้ ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะดีต่อเนื่องไปถึงปีหน้า แต่มันเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้น จะขึ้นอยู่กับดีมานด์ซัพพลายเป็นหลัก คือ เรายังมองว่า ความต้องการถ่านหินในตลาดโลกยังเติบโตอยู่ประมาณ 3-4% ในขณะที่ ซัพพลายยังไม่ได้มีซัพพลายใหม่ ๆ ออกมามากจนล้นตลาด ดังนั้น ถ้าหากไม่ได้เกิดอะไรที่เป็นผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก หรือ ผลกระทบในเชิงของการขนส่งถ่านหิน เช่น ท่าเรือปิด ฝนตกหนัก น้ำท่วม ราคาก็น่าจะมีเสถียรภาพ ส่วนราคาที่ดีในระยะยาวอยู่ในระดับ 85-90 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ซึ่งยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดีในธุรกิจถ่านหิน

ดังนั้น ในแง่บ้านปู ปี 2562 รายได้จะเป็นอย่างไรต่อไป จะรักษาระดับรายได้ที่เติบโตหลักแสนล้านบาทต่อไปได้หรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ราคาถ่านหินในปีหน้าด้วย และการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากจีน ญี่ปุ่น เชลล์แก๊สจากอเมริกา ที่จะมีการรับรู้รายได้เต็มที่มากขึ้น

……………….
สัมภาษณ์พิเศษ : สมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) โดย งามตา สืบเชื้อวงค์

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,415 วันที่ 4 - 7 พ.ย. 2561 หน้า 09

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
"บ้านปู" อินฟิเนอร์จีติดตั้งระบบโซลาร์
บ้านปูชวนเยาวชนเล่นบอร์ดเกมเสริมทักษะ


เพิ่มเพื่อน
บาร์ไลน์ฐาน