‘เสนา’ทำนิวไฮคอนโด ลุยออฟฟิศ-โรงแรมเสริม
เสนา เผยทิศทางดำเนินธุรกิจปี 62 หลังจับมือญี่ปุ่นทำนิวไฮ ผุดคอนโดฯมากสุด ปี 61 ปีหน้าจ่อเพิ่มมากกว่าเท่าตัว ทะลุหมื่นหน่วย เล็งทำโรงแรม ออฟฟิศ หวังรายได้ระยะยาว
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวสูงและแนวราบ เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2562 หลังจากตั้งเป้ายอดขายแตะระดับหมื่นล้านบาทในช่วง 1-2 ปี ว่า ปี 2562 จะเป็นอีก 1 ปี ที่บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการในทำเลศักยภาพอย่างเต็มที่ต่อเนื่องจากปี 2561 โดยเป็นการตั้งงบลงทุนเพิ่มเติมไว้มากกว่า 50% แผนพัฒนาโครงการไม่ตํ่ากว่า 17 โครงการ 7.5 พันหน่วย ที่เคยทำไว้ในปี 2561 โดยเฉพาะโครงการ ที่จะมีการร่วมลงทุนกับบริษัทต่างชาติ ฮันคิว ฮันชิน ของญี่ปุ่น นับรวมอย่างตํ่า 11 โครงการ มูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท
ซึ่งขณะนี้มีที่ดินรอการพัฒนาแล้วครึ่งหนึ่ง และอยู่ระหว่างการมองหาที่ดินเพิ่มเติมอีกหลายแปลง เกาะแนวเส้นทางรถไฟฟ้าทั้งเส้นทางปัจจุบันและเส้นทางที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ประกอบกับโครงการที่จะพัฒนาเองอีกหลายโครงการ เพื่อรองรับดีมานด์ที่อยู่อาศัยของคนกรุงเทพฯและปริมณฑล
ซึ่งจุดเด่น นอกจากจะยึดแนวความคิดหลัก MADE FOR HER ผู้หญิงอยู่สบาย ผู้ชายแฮปปี้ เช่น แยกส่วนฟิตเนส เพิ่มฟังก์ชันประกันและบริการสำหรับผู้หญิง มาพัฒนาโครงการคอนโดฯในทุกโครงการ ตั้งแต่ระดับราคา 1-10 ล้านบาทแล้ว ยังจะต่อยอดนำแนวความคิด GEO fit+Lab แบบญี่ปุ่นภายใต้การดำเนินการของบริษัทพันธมิตร ฮันคิว ฮันชิน ที่ประสบความสำเร็จในวงการอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้ด้วย เช่น การรวบรวมคำแนะนำและความคิดเห็นของผู้อยู่อาศัยในทุกช่วงวัย มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์หรือเฟอร์นิเจอร์ใหม่ๆ ที่รองรับตอบโจทย์การใช้ชีวิตมากขึ้น การเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกแบบเครื่องใช้ และออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ ทั้งตู้เสื้อผ้า ตู้รองเท้า ที่ลูกค้าสามารถปรับลด ขยายช่องใส่ต่างๆ ได้ ซึ่งนำร่องไปแล้วในหลายโครงการ โดยเฉพาะ “ปิติ เอกมัย” โครงการลักชัวรีแห่งแรกของบริษัท
[caption id="attachment_341184" align="aligncenter" width="503"]
เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์-วาคาบายาชิ ชึเนะโอะ[/caption]
อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 บริษัทยังมีแผนเพิ่มสัดส่วนธุรกิจไปยังการลงทุนธุรกิจที่สร้างรายได้ระยะยาวด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้กับบริษัทญี่ปุ่น หลังจากส่งสัญญาณชัดเจนว่า ต้องการเข้ามาลงทุนในธุรกิจประเภทดังกล่าวด้วย ซึ่งอาจออกมาเป็นรูปแบบโครงการมิกซ์ยูส รวมคอนโดฯโรงแรม ออฟฟิศบิลดิ้ง และรีเทล หรือประเภทใดประเภทหนึ่ง ในทำเลที่มีความน่าสนใจ เนื่อง จากจะเป็นโอกาสที่สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับบริษัทระยะยาว เพิ่มความยืดหยุ่นและลดความเสี่ยง ที่ดำเนินโครงการเพื่อขายเพียงอย่างเดียว
“หลายๆ คนอาจมีความกังวล ว่าออฟฟิศบิลดิ้งจะออกมาอีกเป็นล้านๆ ตร.ม. ในปีหน้าจะมีความเสี่ยง ก็เป็นหน้าที่ที่ต้องศึกษาต่อว่า ดีมานด์ ซัพพลายเป็นอย่างไร แต่มองว่าเป็นโอกาส หลังจากคอนโดฯเปลี่ยนเป็นการลงทุนระยะสั้น 3 ปีจบ แต่การลงทุนที่เป็นรายได้หมุนเวียนรีเทล ออฟฟิศ บิลดิ้ง มันสร้างรายได้ยาวกว่ามาก ขณะนี้กำลังศึกษาร่วมกับบริษัทพันธมิตรญี่ปุ่น ซึ่งแนวโน้มอาจเป็นได้หลายรูปแบบ ญี่ปุ่นเองก็มีความสนใจ ทั้งส่วนที่เป็นโรงแรมและออฟฟิศชัดเจน”
หน้า 29-30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,415 วันที่ 4-7 พฤศจิกายน 2561
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวสูงและแนวราบ เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2562 หลังจากตั้งเป้ายอดขายแตะระดับหมื่นล้านบาทในช่วง 1-2 ปี ว่า ปี 2562 จะเป็นอีก 1 ปี ที่บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการในทำเลศักยภาพอย่างเต็มที่ต่อเนื่องจากปี 2561 โดยเป็นการตั้งงบลงทุนเพิ่มเติมไว้มากกว่า 50% แผนพัฒนาโครงการไม่ตํ่ากว่า 17 โครงการ 7.5 พันหน่วย ที่เคยทำไว้ในปี 2561 โดยเฉพาะโครงการ ที่จะมีการร่วมลงทุนกับบริษัทต่างชาติ ฮันคิว ฮันชิน ของญี่ปุ่น นับรวมอย่างตํ่า 11 โครงการ มูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท
ซึ่งขณะนี้มีที่ดินรอการพัฒนาแล้วครึ่งหนึ่ง และอยู่ระหว่างการมองหาที่ดินเพิ่มเติมอีกหลายแปลง เกาะแนวเส้นทางรถไฟฟ้าทั้งเส้นทางปัจจุบันและเส้นทางที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ประกอบกับโครงการที่จะพัฒนาเองอีกหลายโครงการ เพื่อรองรับดีมานด์ที่อยู่อาศัยของคนกรุงเทพฯและปริมณฑล
ซึ่งจุดเด่น นอกจากจะยึดแนวความคิดหลัก MADE FOR HER ผู้หญิงอยู่สบาย ผู้ชายแฮปปี้ เช่น แยกส่วนฟิตเนส เพิ่มฟังก์ชันประกันและบริการสำหรับผู้หญิง มาพัฒนาโครงการคอนโดฯในทุกโครงการ ตั้งแต่ระดับราคา 1-10 ล้านบาทแล้ว ยังจะต่อยอดนำแนวความคิด GEO fit+Lab แบบญี่ปุ่นภายใต้การดำเนินการของบริษัทพันธมิตร ฮันคิว ฮันชิน ที่ประสบความสำเร็จในวงการอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้ด้วย เช่น การรวบรวมคำแนะนำและความคิดเห็นของผู้อยู่อาศัยในทุกช่วงวัย มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์หรือเฟอร์นิเจอร์ใหม่ๆ ที่รองรับตอบโจทย์การใช้ชีวิตมากขึ้น การเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกแบบเครื่องใช้ และออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ ทั้งตู้เสื้อผ้า ตู้รองเท้า ที่ลูกค้าสามารถปรับลด ขยายช่องใส่ต่างๆ ได้ ซึ่งนำร่องไปแล้วในหลายโครงการ โดยเฉพาะ “ปิติ เอกมัย” โครงการลักชัวรีแห่งแรกของบริษัท
[caption id="attachment_341184" align="aligncenter" width="503"]
อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 บริษัทยังมีแผนเพิ่มสัดส่วนธุรกิจไปยังการลงทุนธุรกิจที่สร้างรายได้ระยะยาวด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้กับบริษัทญี่ปุ่น หลังจากส่งสัญญาณชัดเจนว่า ต้องการเข้ามาลงทุนในธุรกิจประเภทดังกล่าวด้วย ซึ่งอาจออกมาเป็นรูปแบบโครงการมิกซ์ยูส รวมคอนโดฯโรงแรม ออฟฟิศบิลดิ้ง และรีเทล หรือประเภทใดประเภทหนึ่ง ในทำเลที่มีความน่าสนใจ เนื่อง จากจะเป็นโอกาสที่สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับบริษัทระยะยาว เพิ่มความยืดหยุ่นและลดความเสี่ยง ที่ดำเนินโครงการเพื่อขายเพียงอย่างเดียว
“หลายๆ คนอาจมีความกังวล ว่าออฟฟิศบิลดิ้งจะออกมาอีกเป็นล้านๆ ตร.ม. ในปีหน้าจะมีความเสี่ยง ก็เป็นหน้าที่ที่ต้องศึกษาต่อว่า ดีมานด์ ซัพพลายเป็นอย่างไร แต่มองว่าเป็นโอกาส หลังจากคอนโดฯเปลี่ยนเป็นการลงทุนระยะสั้น 3 ปีจบ แต่การลงทุนที่เป็นรายได้หมุนเวียนรีเทล ออฟฟิศ บิลดิ้ง มันสร้างรายได้ยาวกว่ามาก ขณะนี้กำลังศึกษาร่วมกับบริษัทพันธมิตรญี่ปุ่น ซึ่งแนวโน้มอาจเป็นได้หลายรูปแบบ ญี่ปุ่นเองก็มีความสนใจ ทั้งส่วนที่เป็นโรงแรมและออฟฟิศชัดเจน”
หน้า 29-30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,415 วันที่ 4-7 พฤศจิกายน 2561
