US Midterm Election 2018 กับราคาทองคำ
คอลัมน์ครบเครื่องเรื่องทอง
พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
การเลือกตั้งกลางเทอม คือ การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในช่วงกลางวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกๆ 2 ปีโดยปีนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน
ปัจจุบันพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้งใน House และ Senate โดยพรรครีพับลิกันครองเก้าอี้ใน House อยู่ 235 คน พรรคเดโมแครต 193 คน และว่างอยู่ 7 ที่นั่ง ส่วนใน Senate พรรครีพับลิกันครองเก้าอี้ทั้งหมด 51 คน และพรรคเดโมแครต 49 คน ในการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 435 คน และจะมีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด 35 คน(ใน 35 คนเป็นสมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครต26 คนและพรรครีพับลิกัน 9 คน)
วันนี้ทาง YLG ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งกลางเทอมรวมไปถึงผลการเลือกตั้งและผลกระทบของตลาดที่เป็นไปได้จากสำนักข่าวต่าประเทศ โดยรายละเอียดมีดังนี้
Scenario 1 :รีพับลิยังคงครองเสียงข้างมากได้ทั้งใน House และ Senate (medium probability)
- Scenario นี้จะถือเป็นชัยชนะที่สำคัญซึ่งจะทำให้นโยบายปัจจุบันของประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงเดินหน้าต่อไป อาทิ การเดินหน้าปรับลดภาษีและผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการเงิน นโยบายต่อต้านผู้อพยพ นโยบายกีดกันทางการค้า ดังนั้นในระยะสั้น ผลกระทบจาก Scenario นี้จะหนุนตลาดหุ้นและดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ
[caption id="attachment_340139" align="aligncenter" width="503"]
โดนัลด์ ทรัมป์[/caption]
Scenario 2 : เดโมแครตชนะการเลือกตั้งและครองเสียงข้างใน House ได้ ส่วนรีพับลิกันยังคงครองเสียงข้างใน Senate (high probability)
- Scenario นี้จะถือสถานการณ์ที่ท้าทายสำหรับประธานาธิบดีทรัมป์ ขณะที่การผลักดันนโยบายต่างๆอาจเผชิญกับอุปสรรค ดังนั้นแนวโน้มที่จะมีการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการคลังเพิ่มเติมจะลดลง ทำให้ความวิตกเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯก็ลดลงเช่นกัน
- Scenario นี้จะค่อนข้างเป็นกลางต่อเศรษฐกิจ แนวโน้มการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังที่ลดลงอาจเกิดผลกระทบให้เกิดแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นและดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ไม่น่าจะมากนัก ซึ่งอาจช่วยหนุนทองคำได้บ้าง
Scenario 3 : เดโมแครตชนะการเลือกตั้งและครองเสียงข้างมากทั้งใน House และ Senate (medium probability)
- Scenario นี้เดโมแครต มีแนวโน้มอาจจะสกัดนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ทำให้ทรัมป์เหลือเพียงอำนาจบริหาร (Executive Power) เท่านั้น
* ความเสี่ยงทางการเมืองที่ใหญ่สุดจะเกิดขึ้น ถ้าหากนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ หาหลักฐานที่เชื่อมโยงว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ผ่านมา พรรคเดโมแครตอาจใช้โอกาสนี้เริ่มดำเนินการ impeachment หรือถอดถอนประธานาธิบดี โดยสมาชิกพรรคเดโมแครตส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎรมีแนวโน้มจะลงคะแนนเสียงสนับสนุน อย่างไรก็ดีไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเกิดขึ้นเพราะยังต้องมีคะแนนเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมจากสมาชิกวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันอีกหลายคนเพื่อให้คะแนนเสียงสนับสนุนในวุฒิสภาถึง 67 คะแนน
- สถานการณ์นี้ ไม่ถึงขนาดจะเป็นลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นเผชิญกับแรงขายหนักมากกว่าที่อาจเกิดขึ้นจาก Scenario 2 และจะเป็นปัจจัยลบต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นกัน
- โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดกระบวนการ impeachment จะส่งผลกระทบต่อดอลลาร์สหรัฐฯมากขึ้นและถ้าหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชะลอการคุมเข้มนโยบายการเงินจากความเสี่ยงเหล่านี้จะยิ่งส่งผลกดดันดอลลาร์ ดังนั้น Scenario ที่ 3 อาจส่งผลหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้มากกว่า2 Scenario แรก
ผลโพลล์ล่าสุดเป็นอย่างไร
ผลการสำรวจความคิดเห็นในช่วงก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมบ่งชี้ว่าพรรครีพับลิกันกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากและมีความเป็นไปได้ที่จะสูญเสียเก้าอี้ใน House ให้แก่เดโมแครต โดยเดโมแครตต้องการเก้าอี้อีกเพียง 23 ที่นั่งก็จะสามารถครองเสียงข้างมากใน Houseได้ ทั้งนี้ผลสำรวจล่าสุดจาก Five Thirty Eight ณ วันที่ 26 ตุลาคม บ่งชี้ว่าเดโมแครต มีโอกาส 5 ใน 6 (84.5%) ที่จะครองเสียงข้างมากใน Houseได้ ทางด้าน Senate หรือ วุฒิสภา ผลสำรวจล่าสุดจาก Five Thirty Eight ณ วันที่ 26 ตุลาคมบ่งชี้ว่าเดโมแครตมีโอกาสเพียง 1 ใน 6 (17.7%) ที่จะครองเสียงข้างมากใน Senate ได้ ขณะที่มีโอกาสถึง 5 ใน 6 (82.3%) ที่รีพับลิกันจะยังคงรักษาเสียงข้างมากใน Senate ได้
ต้องยอมรับว่ากระแส Blue Wave ที่อาจส่งผลให้พรรคเดโมแครตได้ที่นั่งมากขึ้นทั้งใน House และ Senate มาแรงมากขึ้นในระยะนี้ อย่างไรก็ดีแม้จะมีสัญญาณบางอย่างที่อาจทำให้ตลาดคาดคะเนว่าพรรคเดโมแครตจะครองเก้าอี้ได้มากขึ้นในปีนี้ แต่อย่าลืมว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งทำให้พรรครีพับลิกันยังคงครองฐานเสียงจำนวนมากเช่นกัน ดังนั้นจึงถือได้ว่าการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ยังมีความไม่แน่นอนสูงจึงแนะนำนักลงทุนติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,414 วันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2561
พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
การเลือกตั้งกลางเทอม คือ การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในช่วงกลางวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกๆ 2 ปีโดยปีนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน
ปัจจุบันพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้งใน House และ Senate โดยพรรครีพับลิกันครองเก้าอี้ใน House อยู่ 235 คน พรรคเดโมแครต 193 คน และว่างอยู่ 7 ที่นั่ง ส่วนใน Senate พรรครีพับลิกันครองเก้าอี้ทั้งหมด 51 คน และพรรคเดโมแครต 49 คน ในการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 435 คน และจะมีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด 35 คน(ใน 35 คนเป็นสมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครต26 คนและพรรครีพับลิกัน 9 คน)
วันนี้ทาง YLG ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งกลางเทอมรวมไปถึงผลการเลือกตั้งและผลกระทบของตลาดที่เป็นไปได้จากสำนักข่าวต่าประเทศ โดยรายละเอียดมีดังนี้
Scenario 1 :รีพับลิยังคงครองเสียงข้างมากได้ทั้งใน House และ Senate (medium probability)
- Scenario นี้จะถือเป็นชัยชนะที่สำคัญซึ่งจะทำให้นโยบายปัจจุบันของประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงเดินหน้าต่อไป อาทิ การเดินหน้าปรับลดภาษีและผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการเงิน นโยบายต่อต้านผู้อพยพ นโยบายกีดกันทางการค้า ดังนั้นในระยะสั้น ผลกระทบจาก Scenario นี้จะหนุนตลาดหุ้นและดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ
[caption id="attachment_340139" align="aligncenter" width="503"]
Scenario 2 : เดโมแครตชนะการเลือกตั้งและครองเสียงข้างใน House ได้ ส่วนรีพับลิกันยังคงครองเสียงข้างใน Senate (high probability)
- Scenario นี้จะถือสถานการณ์ที่ท้าทายสำหรับประธานาธิบดีทรัมป์ ขณะที่การผลักดันนโยบายต่างๆอาจเผชิญกับอุปสรรค ดังนั้นแนวโน้มที่จะมีการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการคลังเพิ่มเติมจะลดลง ทำให้ความวิตกเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯก็ลดลงเช่นกัน
- Scenario นี้จะค่อนข้างเป็นกลางต่อเศรษฐกิจ แนวโน้มการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังที่ลดลงอาจเกิดผลกระทบให้เกิดแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นและดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ไม่น่าจะมากนัก ซึ่งอาจช่วยหนุนทองคำได้บ้าง
Scenario 3 : เดโมแครตชนะการเลือกตั้งและครองเสียงข้างมากทั้งใน House และ Senate (medium probability)
- Scenario นี้เดโมแครต มีแนวโน้มอาจจะสกัดนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ทำให้ทรัมป์เหลือเพียงอำนาจบริหาร (Executive Power) เท่านั้น
* ความเสี่ยงทางการเมืองที่ใหญ่สุดจะเกิดขึ้น ถ้าหากนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ หาหลักฐานที่เชื่อมโยงว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ผ่านมา พรรคเดโมแครตอาจใช้โอกาสนี้เริ่มดำเนินการ impeachment หรือถอดถอนประธานาธิบดี โดยสมาชิกพรรคเดโมแครตส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎรมีแนวโน้มจะลงคะแนนเสียงสนับสนุน อย่างไรก็ดีไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเกิดขึ้นเพราะยังต้องมีคะแนนเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมจากสมาชิกวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันอีกหลายคนเพื่อให้คะแนนเสียงสนับสนุนในวุฒิสภาถึง 67 คะแนน
- สถานการณ์นี้ ไม่ถึงขนาดจะเป็นลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นเผชิญกับแรงขายหนักมากกว่าที่อาจเกิดขึ้นจาก Scenario 2 และจะเป็นปัจจัยลบต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นกัน
- โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดกระบวนการ impeachment จะส่งผลกระทบต่อดอลลาร์สหรัฐฯมากขึ้นและถ้าหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชะลอการคุมเข้มนโยบายการเงินจากความเสี่ยงเหล่านี้จะยิ่งส่งผลกดดันดอลลาร์ ดังนั้น Scenario ที่ 3 อาจส่งผลหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้มากกว่า2 Scenario แรก
ผลโพลล์ล่าสุดเป็นอย่างไร
ผลการสำรวจความคิดเห็นในช่วงก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมบ่งชี้ว่าพรรครีพับลิกันกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากและมีความเป็นไปได้ที่จะสูญเสียเก้าอี้ใน House ให้แก่เดโมแครต โดยเดโมแครตต้องการเก้าอี้อีกเพียง 23 ที่นั่งก็จะสามารถครองเสียงข้างมากใน Houseได้ ทั้งนี้ผลสำรวจล่าสุดจาก Five Thirty Eight ณ วันที่ 26 ตุลาคม บ่งชี้ว่าเดโมแครต มีโอกาส 5 ใน 6 (84.5%) ที่จะครองเสียงข้างมากใน Houseได้ ทางด้าน Senate หรือ วุฒิสภา ผลสำรวจล่าสุดจาก Five Thirty Eight ณ วันที่ 26 ตุลาคมบ่งชี้ว่าเดโมแครตมีโอกาสเพียง 1 ใน 6 (17.7%) ที่จะครองเสียงข้างมากใน Senate ได้ ขณะที่มีโอกาสถึง 5 ใน 6 (82.3%) ที่รีพับลิกันจะยังคงรักษาเสียงข้างมากใน Senate ได้
ต้องยอมรับว่ากระแส Blue Wave ที่อาจส่งผลให้พรรคเดโมแครตได้ที่นั่งมากขึ้นทั้งใน House และ Senate มาแรงมากขึ้นในระยะนี้ อย่างไรก็ดีแม้จะมีสัญญาณบางอย่างที่อาจทำให้ตลาดคาดคะเนว่าพรรคเดโมแครตจะครองเก้าอี้ได้มากขึ้นในปีนี้ แต่อย่าลืมว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งทำให้พรรครีพับลิกันยังคงครองฐานเสียงจำนวนมากเช่นกัน ดังนั้นจึงถือได้ว่าการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ยังมีความไม่แน่นอนสูงจึงแนะนำนักลงทุนติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,414 วันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2561
