ชู 'เชียงของ' ตั้งเขต ศก.พิเศษ ร่วม "ลาว-จีน-พม่า" ดันค้า "แม่โขง-ล้านช้าง" 2.5 แสนล้านดอลล์!!

29 ต.ค. 2561 | 12:19 น.
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชนทั้งจากส่วนกลางและในพื้นที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ลงพื้นที่สำรวจบริเวณด่านเชียงของ ซึ่งเป็นการลงพื้นที่การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมข้ามพรมแดน (Cross Border Economic Zone) ระหว่างไทยกับประเทศสมาชิกกลุ่มความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC)

สนธิ

โดยผลการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศแม่โขง-ล้านช้าง ประกอบด้วย ไทย จีน ลาว เมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม มีการตั้งเป้าหมายที่จะขยายการค้าจาก 220,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2560 ให้เป็น 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2563 ซึ่ง "กระทรวงพาณิชย์" ในฐานะหน่วยงานหลักของไทยในคณะทำงานความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดน ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ได้รับมอบให้ร่วมกับประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง ดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการค้าดังกล่าว ซึ่งหนึ่งในพันธกิจที่เห็นควรดำเนินการ คือ พิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมระหว่างประเทศสมาชิกแม่โขง–ล้านช้าง ที่มีพรมแดนติดกัน เพื่อให้สิทธิพิเศษทางการค้า การลงทุน ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ก่อให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกันและส่งเสริมให้มีการขยายการค้าระหว่างกันให้มากขึ้น โดยปัจจุบัน ประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง เช่น ลาว เวียดนาม และจีน ได้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษระหว่างกันแล้ว ในขณะที่ ไทยเป็นประเทศเดียวในอนุภูมิภาคที่ยังไม่มีเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมข้ามพรมแดนกับประเทศใด


เชียงของ

ทั้งนี้ จากการหารือเบื้องต้นกับคณะผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชน มีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า ด่านเชียงของ จ.เชียงราย เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ น่าจะสามารถพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมข้ามพรมแดนกับ สปป.ลาว จีน และเมียนมาได้ เนื่องจากเชียงรายเป็น 1 ใน 10 จังหวัด ที่รัฐบาลประกาศให้เป็นพื้นที่เป้าหมายของการพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่จะสามารถพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมและบริการหลายสาขา อาทิ อุตสาหกรรมการเกษตร ประมง อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องเรือน อุตสาหกรรมอัญมณี ธุรกิจบริการขนส่งและโลจิสติกส์ ธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยว และที่สำคัญ ยังมีพรมแดนติดต่อกับเมียนมาและ สปป.ลาว ตลอดจนมีเส้นทางคมนาคม R3A ที่จะเชื่อมไปถึงจีนตอนใต้ได้ เป็นต้น

ในการรับฟังความเห็นในครั้งนี้ สถาบันเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านของไทย ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเร่งพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน ได้นำเสนอตัวอย่างของเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมข้ามพรมแดนระหว่าง สปป.ลาว และจีน ได้แก่ บ่อหาน-บ่อเต็น ซึ่งมีการพัฒนาให้เป็นศูนย์แปรรูปสินค้าเพื่อการส่งออก มีการก่อสร้างสถานีรถไฟและเส้นทางรถไฟผ่านบ้านบ่อเต็น เพื่อเชื่อมต่อเมืองคุนหมิงของจีนกับเวียงจันทน์ของลาวด้วย และผิงเสียง (จีน)–หลังเซิน (เวียดนาม) โดยเมืองผิงเสียงเป็นศูนย์กระจายสินค้าเกษตร "เมืองการค้าผลไม้" อันดับ 1 ของจีนต่อเนื่องมาหลายปี มีแนวพรมแดนติดกับเวียดนาม มีเส้นทางที่ใช้เชื่อมต่อกับอาเซียนด้วย ซึ่งเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้ช่วยให้เกิดการขยายการค้าและการลงทุนในอนุภูมิภาค


น้ำโขง

ขณะที่ ภาคการศึกษาได้เสนอให้ไทยอาจพิจารณาพัฒนาพื้นที่เชียงของให้เป็นคลังสินค้า E-commerce ที่ให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ประกอบการ ช่วยลดต้นทุนในการส่งสินค้าไปขาย ซึ่งตลาดนี้จะเติบโตอีกมากในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้ ภาคเอกชนได้เสนอให้ไทยหารือกับฝ่ายลาว เพื่อปรับปรุงเส้นทาง R3A ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และทำความเข้าใจกับฝ่ายลาวถึงประโยชน์ที่ 2 ฝ่าย จะได้รับร่วมกัน อาทิ การสร้าง Rest Areas เพื่อเป็นที่พัก ซึ่งสามารถนำสินค้าอุปโภค บริโภค สินค้าพื้นเมือง/ท้องถิ่น มาขายได้ หรือ การพัฒนาเส้นทางดังกล่าวให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวจากไทยไปยังจีนได้


090861-1927-9-335x503-8-335x503

"กระทรวงพาณิชย์จะนำข้อมูลและความเห็นที่ได้จากการประชุมครั้งนี้หารือประเทศสมาชิกแม่โขง–ล้านช้าง เพื่อผลักดันให้การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมข้ามพรมแดนระหว่างสมาชิกเกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป"

อนึ่ง ในปี 2560 การค้าระหว่าง 6 ประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง มีมูลค่ากว่า 220,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2559 16% และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 191,267 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวประมาณ 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

595959859