เตือน! ระวังแรงขายทำกำไร หลังราคาทองคำขึ้นแรง
"สภาวะตลาดทอง" วันที่ 26 ต.ค. 2561 ราคาแกว่งตัวในกรอบ 1,220.30-1,228.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศ ขายออกอยู่ที่ 18,900 บาทต่อบาททองคำ ลดลง 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,000 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่ โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV18 อยู่ที่ 18,970 บาท ลดลง 130 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,100 บาท
ความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น วิตกงบประมาณอิตาลี ความไม่แน่นอนของการเมืองระหว่างประเทศ และผลประกอบการภาคบริษัทสหรัฐฯ ที่อาจย่ำแย่ กดดันการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แม้ว่าจะกระตุ้นแรงซื้อทองคำ แต่ราคาทองคำขยับขึ้นได้อย่างจำกัด เนื่องจากสกุลเงินยูโรที่เคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 2 เดือน หลังนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) แถลงการณ์ในการประชุม ซึ่งไม่สามารถทำให้มั่นใจว่า ECB จะคุมเข้มทางการเงินหลังฤดูร้อนหน้า เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในยุโรป
นอกจากนี้ สกุลเงินปอนด์ยังคงเคลื่อนไหวใกล้จุดต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ เมื่อนายมาริโอ ดรากี ส่งสัญญาณเตือนว่า การเจรจาเบร็กซิทหากยืดเยื้อไปนานเท่าไร ภาคเอกชนจะต้องเตรียมการมากเท่านั้น สำหรับความเป็นไปได้ที่ว่า อังกฤษอาจจะออกจาก EU โดยไร้ข้อตกลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอนาคต
ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่ม เมื่อข้อมูลการนำเข้าทองคำสุทธิของจีนผ่านฮ่องกงลดลง 65% ในเดือน ก.ย. เมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า โดยสำนักงานสถิติฮ่องกง ระบุว่า การนำเข้าผ่านฮ่องกงสู่จีนลดลงสู่ระดับ 11.059 ตัน ในเดือน ก.ย. จากระดับ 31.857 ตัน ในเดือน ส.ค.
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำในประเทศได้รับแรงหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง โดยค่าเงินบาทที่ผันผวนในทิศทางอ่อนค่าตามความเสี่ยงของตลาดทุนโลก ทั้งนี้ แนะนำติดตามเกาหลีใต้เตรียมออกปฏิบัติการซ้อมรบ 2 ครั้ง ในสัปดาห์หน้า หลังเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ระงับการซ้อมรบร่วมกันระหว่างการเจรจานิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ ขณะที่ ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เรือรบสหรัฐฯ 2 ลำ แล่นผ่านช่องแคบไต้หวัน นับเป็นความเคลื่อนไหวที่ทำให้จีนโกรธ ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างกันที่ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งจีนยังคงถือว่า ไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีน "วายแอลจี" แนะนำว่า ในระยะสั้นราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ แนะนำให้รอซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับที่ 1,227-1,217 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ทาง 'วายแอลจี' มีมุมมองว่า หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านโซน 1,240-1,246 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยังไม่ผ่าน นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำเมื่อมีการปรับตัวขึ้นแรง ก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมาแรงเช่นกัน
โดยนักลงทุนที่สะสมทองคำไว้ อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่า ราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้ แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไร โดยให้เน้นไปที่การเข้าซื้อ ทั้งนี้ ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,227 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,217 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น วิตกงบประมาณอิตาลี ความไม่แน่นอนของการเมืองระหว่างประเทศ และผลประกอบการภาคบริษัทสหรัฐฯ ที่อาจย่ำแย่ กดดันการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แม้ว่าจะกระตุ้นแรงซื้อทองคำ แต่ราคาทองคำขยับขึ้นได้อย่างจำกัด เนื่องจากสกุลเงินยูโรที่เคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 2 เดือน หลังนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) แถลงการณ์ในการประชุม ซึ่งไม่สามารถทำให้มั่นใจว่า ECB จะคุมเข้มทางการเงินหลังฤดูร้อนหน้า เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในยุโรป
นอกจากนี้ สกุลเงินปอนด์ยังคงเคลื่อนไหวใกล้จุดต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ เมื่อนายมาริโอ ดรากี ส่งสัญญาณเตือนว่า การเจรจาเบร็กซิทหากยืดเยื้อไปนานเท่าไร ภาคเอกชนจะต้องเตรียมการมากเท่านั้น สำหรับความเป็นไปได้ที่ว่า อังกฤษอาจจะออกจาก EU โดยไร้ข้อตกลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอนาคต
ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่ม เมื่อข้อมูลการนำเข้าทองคำสุทธิของจีนผ่านฮ่องกงลดลง 65% ในเดือน ก.ย. เมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า โดยสำนักงานสถิติฮ่องกง ระบุว่า การนำเข้าผ่านฮ่องกงสู่จีนลดลงสู่ระดับ 11.059 ตัน ในเดือน ก.ย. จากระดับ 31.857 ตัน ในเดือน ส.ค.
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำในประเทศได้รับแรงหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง โดยค่าเงินบาทที่ผันผวนในทิศทางอ่อนค่าตามความเสี่ยงของตลาดทุนโลก ทั้งนี้ แนะนำติดตามเกาหลีใต้เตรียมออกปฏิบัติการซ้อมรบ 2 ครั้ง ในสัปดาห์หน้า หลังเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ระงับการซ้อมรบร่วมกันระหว่างการเจรจานิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ ขณะที่ ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เรือรบสหรัฐฯ 2 ลำ แล่นผ่านช่องแคบไต้หวัน นับเป็นความเคลื่อนไหวที่ทำให้จีนโกรธ ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างกันที่ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งจีนยังคงถือว่า ไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีน "วายแอลจี" แนะนำว่า ในระยะสั้นราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ แนะนำให้รอซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับที่ 1,227-1,217 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ทาง 'วายแอลจี' มีมุมมองว่า หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านโซน 1,240-1,246 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยังไม่ผ่าน นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำเมื่อมีการปรับตัวขึ้นแรง ก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมาแรงเช่นกัน
โดยนักลงทุนที่สะสมทองคำไว้ อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่า ราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้ แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไร โดยให้เน้นไปที่การเข้าซื้อ ทั้งนี้ ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,227 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,217 ดอลลาร์ต่อออนซ์
