ชงครม.บูมเหนือตอนบน ของบพัฒนา 4 จังหวัด 7 ด้านกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท

27 ต.ค. 2561 | 03:31 น.
รัฐ-เอกชน 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เชียงราย-พะเยา-แพร่-น่าน ชงครม.สัญจรเชียงรายหนุนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 7 ด้านกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท เผยโครงการเด่น บูมท่องเที่ยวถํ้าหลวง-ขุนนํ้านางนอน พัฒนาเวียงหนองหล่ม ตั้งนิคมนวัตกรรมดิจิตอล

สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีกำหนดจะไปจัดการประชุมครม.นอกสถานที่ ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ในวันที่ 30 ตุลาคม 2561 และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะนำคณะรัฐมนตรีเดินทางไปตรวจเยี่ยมราษฎรในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและพะเยา ระหว่างวันที่ 29-30 ตุลาคม 2561

ผู้สื่อข่าว “ฐานเศรษฐกิจ” รายงานจากจังหวัดเชียงรายว่า ภาครัฐและเอกชน 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน) จะเสนอขอสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ต่อที่ประชุม ครม.สัญจร แยกออกเป็น 7 ด้าน ได้แก่ ด้านการท่องเที่ยว ด้านการค้าการลงทุน ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการ เกษตร ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและด้านอื่นๆ มีมูลค่าโครงการต่างๆ รวมกันประมาณ 14,455 ล้านบาท มีโครงการสำคัญๆ เช่น การพัฒนา ถํ้าหลวง-ขุนนํ้านางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งมีทั้งการฟื้นฟูและพัฒนาให้เป็นศูนย์ฝึกอบรมกู้ภัยและป้องกันภัยพิบัติ ปรับภูมิทัศน์สถานที่ที่เกี่ยวข้อง, การพัฒนาเวียงหนองหล่ม อ.แม่จัน เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การพัฒนาเมืองเก่าเขต จ.น่าน, การอนุรักษ์ฟื้นฟูชุมชนเมืองเก่าเวียงลอ จ.พะเยา

MP21-3413-A

ด้านการค้าการลงทุน เสนอให้มีการตั้งนิคมอุตสาหกรรมนวัตกรรมดิจิตอล ศูนย์กระจายสินค้าสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ จ.เชียงราย, พัฒนาระบบพาณิชย์ข้ามแดนกับประเทศเมียนมา สปป.ลาว และจีนตอนใต้ รวมทั้งสร้าง-บูรณะถนนสายสำคัญอีกหลายสายใน 4 จังหวัด เช่น ถนนเชื่อมภูชี้ฟ้า-ผาตั้ง จ.เชียงราย, ถนนสาย อ.เด่นชัย จ.แพร่-ลำปาง

ภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวได้เตรียมนำเสนอให้รัฐบาล เร่งแก้ไขปัญหากรณีการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถนำรถยนต์เดินทางเข้าสู่ด่านพรมแดนด้านจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะที่จุดผ่านแดนถาวร อ.เชียงของ เชื่อมกับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงสะพานข้ามแม่นํ้าโขงไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 4 เพราะชาวจีนสามารถใช้รถยนต์เดินทางจากมณฑลยูนนานมายัง อ.เชียง ของ โดยใช้ถนนอาร์สามเอผ่านแขวงหลวงนํ้าทา-แขวงบ่อแก้ว ใน สปป.ลาว ใช้ระยะทางประมาณ 254 กิโลเมตรเท่านั้น

นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า โครงการที่จะเสนอต่อครม.สัญจร คือ โครงการพัฒนา ถํ้าหลวงฯให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบครบวงจร และโครงการพัฒนาเวียงหนองหล่มหรือทะเลสาบเชียงแสนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทั้ง 2 โครงการน่าจะมีวงเงินในการดำเนินการประมาณ 1,500 ล้านบาท

[caption id="attachment_338599" align="aligncenter" width="503"] ภาพมุมสูงบริเวณที่ทำการวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ภาพมุมสูงบริเวณที่ทำการวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน[/caption]

“ความยากของทั้ง 2 โครงการที่ทำให้ต้องมีมติคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าไปดำเนินการ เนื่องจากโครงการพัฒนา ถํ้าหลวงฯนั้น จะดำเนินการในพื้นที่ของวนอุทยานถํ้าหลวง-ขุนนํ้านางนอน ส่วนโครงการพัฒนาเวียงหนองหล่มนั้น จะดำเนินการในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตวป่าหนองบงคาย ซึ่งในบางกิจกรรมอาจจะดำเนินการไม่ได้ หากใช้ช่องทางในการดำเนินการตามปกติ” ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าว

ด้านนายพรเทพ อินทะชัย ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ภาคเอกชนเตรียมนำเสนอต่อภาครัฐให้แก้ไขปัญหาชายแดนหลายเรื่อง โดยเฉพาะการผลักดันให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ หรือเอ็นอีซี เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจ.เชียงราย ทั้ง 3 อำเภอ คือ แม่สาย เชียงแสน และเชียงของ การเข้าออกแดน การค้าชายแดน โดยใช้เรื่องการปรับกฎระเบียบต่างๆ เพื่อเอื้ออำนวยให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างคล่องตัว เพราะปัจจุบันเรามีระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ท่าเรือ ถนน สะพาน โครงการรถไฟต่อไปถึงชายแดน อ.เชียงของ หมดแล้วจึงควรปรับกฎระเบียบให้เอื้อต่อการพัฒนา ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ กรณีนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของเชียง รายและภาคเหนือได้เป็นอย่างมาก แต่ปัจจุบันยังติดขัดเรื่องกฎระเบียบ ซึ่งเห็นว่าควรจะมีการจัดตั้งศูนย์บริการ ณ จุดเดียว หรือวันสต็อปเซอร์วิสที่ชายแดน อ.เชียงของ เพื่อรองรับกรณีจะมีทัวร์จีนเข้ามาเลย เพราะทัวร์เหล่านี้เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพ จึงสามารถนำรถยนต์เข้ามาเองได้”

[caption id="attachment_338600" align="aligncenter" width="454"] นางสาวผกายมาศ เวียร์ร่า นางสาวผกายมาศ เวียร์ร่า[/caption]

ส่วนนางสาวผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ตรวจสอบสถิติพบว่ามีชาวจีนเดินทางเข้าสู่ด่านบ่อเต็นของแขวงหลวง นํ้าทา สปป.ลาว บนถนนอาร์สามเอตรงชายแดนจีน-สปป.ลาว กว่า 12,467 คน มีรถเข้ามากว่า 3,957 คันในช่วงสัปดาห์วันชาติจีนที่ผ่านมา ซึ่งในอดีตนั้นคนจีนเหล่านี้จะทะลักเข้ามาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยทางเชียงของกว่า 60-70% แต่ปรากฏว่าปีนี้เข้ามาเพียง 18 คัน รวมนักท่องเที่ยวเพียงแค่ 276 คน หรือไม่ถึง 5% ภาครัฐจึงควรจะต้องปรับนโยบายอีกครั้งเพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเชียงรายอยู่ใกล้กับประเทศจีนมากที่สุดจึงไม่ควรเสียโอกาส

นายคงศักดิ์ ธรานิศร ประธานหอการค้าจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า หอการค้าจังหวัดพะเยา ได้นำเสนอ 3 หัวข้อหลักๆ เป็นโครงการที่จะเห็นผลได้ในระยะ 3-5 ปี เป็นโครงการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานหลักๆ ที่จะเอื้อต่อการพัฒนาต่อยอดในอนาคต โดยจะได้นำเสนอใน 3 โครงการ คือ 1.โครงการพัฒนากว๊านพะเยาอย่างยั่งยืน 2.โครงการขอเพิกถอนพื้นที่ป่าไม้จากกรมอุทยานแห่งชาติ 28 ไร่ เพื่อใช้เป็นที่ตั้งอาคารสถานที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านฮวก อ.ภูซาง ซึ่งปัจจุบัน ครม.อนุมัติให้ยกระดับให้เป็นด่านสากลเรียบร้อยแล้ว แต่มีที่ดินที่ใช้ประโยชน์ได้เพียงแค่ประมาณ 1 งานเท่านั้น และ 3.โครงการขอขยายพหลโยธินจาก 4 เลน ให้เป็น 8 เลน เป็นระยะทางรวม 29 กิโลเมตร จากบ้านห้วยเคียนไปจนถึงมหาวิทยาลัยพะเยา และโครงการพัฒนาถนนโลจิสติกส์สายล้านนาตะวันออก จากสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 ผ่านอำเภอเทิง (เชียงราย) เชียงคำ จุน ปง (พะเยา) เชียงม่วน สอง (แพร่) ทะลุลงไปที่สี่แยกอินโดจีนจังหวัดพิษณุโลก

หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,413 วันที่ 28-31 ตุลาคม 2561

[caption id="attachment_338511" align="aligncenter" width="335"]  เพิ่มเพื่อน [/caption]