นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยผลการจัดเก็บภาษีรถประจำปีในเขตกรุงเทพมหานคร เฉพาะเดือนแรกของปี 2559 ( มกราคม 2559 ) สามารถจัดเก็บภาษีรถได้ทั้งสิ้น 785,136,338.76 บาท ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนเลือกชำระภาษีรถประจำปีผ่านช่องทางการให้บริการที่หลากหลาย ผลปรากฏว่าประชาชนนิยมใช้บริการรับชำระภาษีรถยนต์ ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 5 มากที่สุด จำนวน 493,900 ราย จัดเก็บภาษีรถได้ทั้งสิ้น 566,577,084.85 บาท
รองลงมาเป็นการใช้บริการรับชำระภาษีรถผ่านช่องทาง “เลื่อนล้อ ต่อภาษี” (Drive Thru for Tax) ชำระภาษีโดยไม่ต้องลงจากรถ จำนวน 70,566 ราย จัดเก็บภาษีรถได้ทั้งสิ้น 126,511,483.64 บาท และบริการรับชำระภาษีรถที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีในวันเสาร์ – อาทิตย์ ทั้ง 14 สาขา ได้แก่ สาขาลาดพร้าว รามอินทรา รัชดาภิเษก บางปะกอก เพชรเกษม อ่อนนุช สุขาภิบาล3 บางบอน สุวินทวงศ์ แจ้งวัฒนะ บางใหญ่ สำโรง ศรีนครินทร์ และบางนา ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลรามอินทรา เซ็นทรัลลาดพร้าว และศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์ค ตามโครงการ “ช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี” (Shop Thru for TAX) มีประชาชนมาใช้บริการจำนวน 44,331 ราย จัดเก็บภาษีรถได้ทั้งสิ้น 64,734,417.10 บาท ส่วนที่ศูนย์บริการร่วมคมนาคม เชิงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ให้บริการทุกวันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 15.00 น. มีผู้มาใช้บริการ จำนวน 8,783 ราย จัดเก็บภาษีได้ทั้งสิ้น 12,260,827.06 บาท
ขณะที่การชำระภาษีรถผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์ www.dlte-serv.in.th มีผู้ใช้บริการ จำนวน 5,545 ราย จัดเก็บภาษีได้ทั้งสิ้น 12,391,926.66 บาท นอกนั้นเป็นการใช้บริการชำระภาษีรถผ่านไปรษณีย์ และผ่านโทรศัพท์มือถือบนเครือข่าย AIS
นายสนิท กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการรับชำระภาษีรถประจำปีผ่านช่องทางต่างๆนั้น เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน โดยเจ้าของรถสามารถชำระภาษีรถล่วงหน้าก่อนครบกำหนด 90 วัน เพียงนำหลักฐานการทำพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถมาแสดง และสำหรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปี ขึ้นไป หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบ 5 ปีขึ้นไป ต้องมีใบรับรองการตรวจสภาพรถจากสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) มาแสดงด้วย โดยจะมีสมุดคู่มือจดทะเบียนรถหรือไม่ก็ได้ รวมถึงรถที่ติดตั้งแก็สต้องมีหนังสือรับรองการตรวจสอบ และทดสอบตามระยะเวลาที่กำหนดด้วย