‘หุ้นไทย’แค่พักฐาน

28 ต.ค. 2561 | 00:47 น.
 

 กังวลเลื่อนเลือกตั้งกดดันตลาดซึมยาว  
โบรกเกอร์ ชี้ภาวะตลาดหุ้นซึมแค่พักฐาน จากแรงเหวี่ยงปัจจัยต่างประเทศ  มั่นใจมีโอกาสปรับขึ้นไตรมาส 4  ดัชนีลุ้นทดสอบ 1750-1800 ขานรับเลือกตั้งกุมภาพันธ์ 62 เศรษฐกิจแข็งแกร่งเข้าสู่วัฏจักรลงทุน KTBST หวั่นหากเลื่อนเลือกตั้งตลาดหุ้นมีสิทธิ์หลุด 1600 จุด และซึมยาว จับตาความชัดเจน 15 พ.ย.นี้
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 22-25 ตุลาคม 2561 มีความผันผวนตามตลาดหุ้นทั่วโลก และรับแรงกดดันจากปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยทั้งสัปดาห์ดัชนีปรับลดลง 23.58 จุด หรือ 1.41% โดยลดลงมากที่สุด 71.51 จุด หรือ 4.28% อยู่ที่ 1596.40 จุด ในวันที่ 25 ตุลาคม 2561 ขณะที่ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) อยู่ที่ 16,723,508 ล้านบาท ลดลง 240,497 ล้านบาท จากวันที่ 19 ตุลาคม 2561 อยู่ที่ 16,964,004 ล้านบาท

ตลาดหุ้นไทยมีแรงกดดันตั้งแต่เริ่มต้นสัปดาห์ ขณะที่ตัวเลขการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ เดือนกันยายน 2561 ติดลบ 5.2% ปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ19 เดือน หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกโดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับลดลง จากความกังวลความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับซาอุดีอาระเบีย สงครามการค้าสหรัฐฯกับจีน รวมถึงกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯจากรายงานยอดขายบ้านใหม่ลดลงติดต่อกัน 4 เดือน และราคานํ้ามันปรับลดลงกดดันกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี     mp17-3413-a

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศ ไทย) จำกัด หรือ KTBST กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ยังมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก ปัจจัยบวกจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ออกมาในไตรมาส 3 ดีกว่าตลาดคาด เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มพลังงาน (ยกเว้นกลุ่มปิโตรเคมี) การบริโภคภายในประเทศ  ซึ่งจะหล่อเลี้ยงไม่ให้ตลาดหุ้นปรับลงตํ่าไปกว่าปัจจุบัน อีกทั้งนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยต้นเดือนตุลาคมถึงปัจจุบันขายสุทธิ 5.78 หมื่นล้านบาท ถือว่าขายหนักสุดในรอบ 8 ปี จึงมีโอกาสที่ตลาดหุ้นจะรีบาวด์ขึ้น จากเรื่องการเลือกตั้งที่คาดกันว่าจะเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2562

“นักลงทุนให้นํ้าหนักเรื่องการเลือกตั้งไว้สูงว่าจะเกิดขึ้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 หากเป็นไปตามนี้ เชื่อว่าต่างชาติจะกลับมาเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ บวกกับผลประกอบการไตรมาส 3 และปัจจัยเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง จึงมีโอกาสที่เงินจะไหลกลับเข้ามา ดันดัชนีหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ปรับขึ้นแตะ 1750-1800 จุดได้”

ด้านปัจจัยลบขึ้นอยู่กับ 1. การเลือกตั้งว่าจะเลื่อนออกไปจากเดิมหรือไม่ ช่วงเวลาที่จะรู้ชัดเจนคือวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ว่าการเลือกตั้งจะเลื่อนหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามที่คาด มีแนวโน้มสูงที่ตลาดหุ้นไทยหลังกลางเดือนพฤศจิกายนจะซึมยาวตํ่ากว่าระดับ 1600 จุด หรือเป็นภาวะหมีได้ 2. ปัจจัยราคานํ้ามันหลุดตํ่ากว่าระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลว่าจะทรงตัวนานหรือไม่

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ  ความกังวลหลักยังเป็นเรื่องการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย  ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและซาอุดีอาระเบีย และกรณีนโยบายของทรัมป์ที่ประกาศต่อต้านในหลายๆ เรื่อง ส่งผลให้นักลงทุนเกิดการเทขายเป็นแรงกดดันตลาดหุ้นภูมิภาคให้ปรับลดลง

“ตลาดหุ้นไทยเวลานี้ปรับลงค่อนข้างมาก จึงเป็นจังหวะดีที่จะช้อนซื้อ KTBST ชอบหุ้นสหรัฐฯ หุ้นญี่ปุ่น ส่วนตลาด emerging markets ชอบหุ้นไทย เป็นอันดับแรก ในเรื่องผลประกอบการของ บจ. คาดกำไรตลาดปีนี้จะโต 10% ปีหน้าโต 5-10% ได้”

นายพรเทพ ชูพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS )  กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าภาวะตลาดหุ้นขณะนี้ถือว่าเป็นช่วงพักฐานไม่ใช่วิกฤติ จากแรงเหวี่ยงปัจจัยนอกประเทศ ทั้งเรื่องของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับซาอุฯ, เรื่อง Brexit ในยุโรปที่ยังตกลงกันไม่ได้ และงบประมาณอิตาลีที่มีโอกาสถูกปฏิเสธจากอียูสูง อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจในประเทศยังแข็งแกร่ง แม้จะมีรายงานส่งออกเดือนกันยายนติดลบ 5.2%

“วัฏจักรการลงทุนกลับมาแล้ว ทั้งเรื่องอัตราการใช้กำลังการผลิตเข้าใกล้ 70% และดัชนีการลงทุนภาคเอกชนผงกหัวขึ้นมาแล้วหลายเดือน เป็นการโตที่เร่งตัวขึ้น บวกกับตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI ยอดสะสม 12 เดือน รวม 1.14 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มากเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาค ดังนั้นมั่นใจว่าปีหน้าดัชนีหุ้นไทยจะทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 2000 จุด สมมติฐานค่า P/E 15.6 เท่า"

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,413 วันที่ 28-31 ตุลาคม 2561 e-book-1-503x62