เกือบไปแล้ว!! กับมติครม. 10 ตุลาคม 2561 ที่อนุมัติหลักการ “ร่างพ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรม และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ...” ซึ่งเสนอโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมของ พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณฯ พ.ศ. 2557 เพื่ออุดช่องโหว่บางอย่างของกฎหมายเดิม
แต่สิ่งที่เพิ่มเติมและถูกถล่มยับ คือ บัญชีแนบท้ายที่ให้อำนาจองค์กรส่วนท้องถิ่นเรียกเก็บค่าขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงรวม 450 บาทต่อปี แบ่งเป็น ค่าคําร้องขอขึ้นทะเบียน 50 บาท ค่าสมุดประจําตัวสัตว์ 100 บาท และค่าเครื่องหมายประจําตัวสัตว์อีก 300 บาท ซํ้ายังระบุโทษด้วยว่า หากมีบุคคลใดฝ่าฝืนจะมีระวางโทษปรับไม่เกิน 25,000 บาท !!
ผมจึงไปค้นหา ย้อนดูเส้นทางของกฎหมายฉบับนี้ พบว่านี่ไม่ใช่กฎหมายที่จู่ๆ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์ จะคิดเองเออเองทำกฎหมายฉบับนี้เสนอครม.
เพราะต้นทางของเรื่องมาจาก “
คณะกรรมการติดตามกลไก และพิจารณาการปกป้องคุ้มครองสัตว์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ” ที่มีนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมการ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เป็นประธานคณะอนุกรรมการติดตามกลไกการปกป้องคุ้มครองสัตว์ เขาได้จัดทำ
“รายงานการพิจารณาศึกษา ร่างพระราชบัญญัติ ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... (การขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง)” เสนอเข้ามาที่รัฐบาลให้พิจารณาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2561 แล้วรัฐบาลจึงส่งต่อไปยังกระทรวงเกษตรฯให้พิจารณาดำเนินการ หนึ่งในนั้นคือการแก้ไขพ.ร.บ.
แต่ก็มีอีก 4 ประเด็นหลักที่เสนอมาด้วย คือ 1. กำหนดให้กรมปศุสัตว์ โดยรมว.เกษตรและสหกรณ์ดำเนินการออกประกาศมาตรฐานกลางสำหรับหลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบการแจ้งรายการการขึ้นทะเบียน โดยคำนึงถึงศักยภาพของแต่ละท้องที่ สร้างระบบฐานข้อมูลให้เชื่อมโยงระหว่างเจ้าของสัตว์กับสัตว์เลี้ยงได้
2. ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ออกข้อบัญญัติท้องถิ่นว่าด้วยการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง โดยสามารถกำหนดเรื่องประเภท ชนิด จำนวน เครื่องหมายประจำตัวสัตว์ และมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งสำหรับการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงได้ 3. ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าของสัตว์ที่ต้องนำสัตว์เลี้ยงไปขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงตามข้อบัญญัติท้องถิ่นที่กำหนด อีกทั้งกำหนดบทลงโทษไว้สำหรับการฝ่าฝืนข้อบัญญัติท้องถิ่นดังกล่าว
นอกจากนั้นเขายังทำวิจัย การทำเครื่องหมายประจำตัวสัตว์เลี้ยง : สุนัขและแมว โดยคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานเลขาธิการ วุฒิสภา(www.senate.go.th) และเปิดเวทีเมื่อวันพุธที่ 28 มีนาคม 2561 ที่ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ หมายเลข 213-216 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา 2
และไม่ปรากฏว่าร่างกฎหมายต้นทางจากสนช. ไม่มีการเขียนถึงค่าใช้จ่าย 450 บาท ที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องจ่าย รวมทั้งสนช.เสนอโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท หากเจ้าของสัตว์เลี้ยงฝ่าฝืน ซึ่งต่างจากร่างพ.ร.บ.ที่ ผ่านครม.ถึง 5 เท่า ซึ่งก็น่าตั้งคำถามค่าใช้จ่ายและค่าปรับที่สูงขึ้นถูกคิด คำนวณมาได้อย่างไร
แต่เรียกได้ว่า เป็นอีกครั้งที่รัฐบาล ตั้งแต่โฆษกรัฐบาลยันรมว.เกษตรฯ ดาหน้าออกมาชี้แจงแตะเบรกให้มีการทบทวนได้ทัน เพราะประเมินกระแสออกว่าจะเป็นอย่างไร หากไม่รีบชี้แจงแล้วขืนปล่อยร่างกฎหมายเข้าสนช.ไปท่ามกลางเสียงวิจารณ์มากมายขนาดนี้
ซึ่งรัฐบาลเองเคยมีประสบการณ์แล้ว กับกรณีห้ามนั่งท้ายรถกระบะ รู้ว่าไม่ได้ส่งผลดีกับรัฐบาลแน่ โดยเฉพาะในยามที่ใกล้จะเลือกตั้งแบบนี้
|คอลัมน์ : อินไซด์สนามข่าว
|โดย : จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง
|Twitter : @jeerapong_pra
|หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า 14 ฉบับ 3410 ระหว่างวันที่ 18 - 20 ต.ค. 2561