'นิด้า' ประเมินเศรษฐกิจไทย โค้งสุดท้ายคึกคักจีดีพีโต 4.5%

25 ต.ค. 2561 | 03:49 น.
'นิด้า' ประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 นี้ ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หนุนภาพรวมจีดีพีปีนี้ขยายตัวได้ 4.5% รับอานิสงส์ภาคส่งออกเติบโตดี การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว มองความชัดเจนในการเลือกตั้งช่วยกระตุ้นการบริโภค คาดเงินเข้าระบบกว่าหมื่นล้านบาท ดันเงินหมุนเวียนสูงถึง 5 หมื่นล้านบาท หวังภาครัฐเร่งการลงทุนช่วยหนุนการเติบโต ประเมินปัจจัยเสี่ยง สงครามการค้าและอัตราดอกเบี้ยค่าขึ้น ส่วนปัจจัยภายในประเทศ หนี้ครัวเรือนยังสูงฉุดการบริ โภค

รศ.ดร.มนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการ หลักสูตรการจัดการภาครัฐและภาคเอกชน สำหรับนักบริหาร (MPPM Executive program) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA-นิด้า) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 นี้ ยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวของภาคส่งออกและการท่องเที่ยวที่เติบโตได้ดี รวมถึงความคึกคักในช่วงใกล้ถึงการเลือกตั้ง ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ. 2562 ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ช่วยสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นิด้าคาดการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2561 จีดีพีมีแนวโน้มขยายตัวได้ 4.5%

ปัจจัยการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 จะได้รับแรงหนุนที่สำคัญจากปัจจัยการขยายตัวของรายได้จากต่างประเทศ ที่มีน้ำหนักต่อจีดีพีสูงถึง 78% โดยการส่งออกที่ขยายตัวได้ดี ในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา และคาดว่าจะรักษาระดับการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 4 โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญ คือ กลุ่มประเทศอาเซียน ที่มีสัดส่วนการส่งออกในระดับ 26% รองลงมา คือ ประเทศจีน 12% และสหรัฐอเมริกา 12% โดย NIDA คาดว่า การขยายตัวของมูลค่าการส่งออกในปีนี้ จะเติบโตจากปีก่อนในระดับ 8%

ส่วนแนวโน้มชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่ถือว่าเป็นเส้นเลือดหลักของการเติบโต พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติยังเติบโตได้ดี แม้ว่าในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนชะลอตัวลงจากเหตุการณ์เรือล่มในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ประกอบกับมีภาพเหตุการณ์ รปภ.ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ทำร้ายนักท่องเที่ยวจีน ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งการเข้าแก้ไขปัญหาที่ทันเวลาของภาครัฐ จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนให้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกครั้ง รวมถึงสนับสนุนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางข้ามแดนมาประเทศไทยในปีนี้ได้ ตามเป้าหมายที่ 38 ล้านคนในปีนี้ ส่วนมูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยคาดว่าจะขยายตัวจากปีก่อนที่ระดับ 10 %


บาร์ไลน์ฐาน

สำหรับปัจจัยในประเทศนั้น แนวโน้มไตรมาสที่ 4 น่าจะมีทิศทางการขยายตัวที่ดี โดยปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ คือ การเข้าใกล้ช่วงการเลือกตั้ง ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ. 2562 จะช่วยให้กำลังซื้อภายในประเทศฟื้นตัว ซึ่งจากสถิติในอดีต พบว่า การเลือกตั้งทั่วไปแต่ละครั้งจะมีเงินสะพัดภายในระบบเศรษฐกิจประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ในช่วงก่อนถึงวันเลือกตั้งประมาณ 3 เดือน จึงคาดการณ์เม็ดเงินดังกล่าว จะเริ่มเข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจในเดือน ธ.ค. นี้ ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และจะสร้างการหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจไทยได้ในระดับ 5 หมื่นล้านบาท

"ส่วนเครื่องมือที่สำคัญที่จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจไทย คือ การลงทุนของภาครัฐ ที่มีการอนุมัติงบประมาณปี 2562 ที่ 3 ล้านล้านบาท หากภาครัฐบาลกระตุ้นการเบิกจ่าย โดยเฉพาะงบลงทุนให้เป็นตามแผน จะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างมีศักยภาพ" รองศาสตราจารย์ ดร.มนตรี กล่าว

ปัจจัยท้าทายต่อการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายนั้นยังมีอีกมาก โดยเฉพาะปัจจัยจากต่างประเทศ ทั้งภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งในเบื้องต้นประเมินว่า ตัวเลขของการตั้งกำแพงภาษี อาจจะไม่มากอย่างที่หลายฝ่ายกังวล ส่วนปัจจัยที่ 2 คือ การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่เริ่มมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ส่งผลกระทบให้เกิดความผันผวน ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดการเงินทั่วโลก

ส่วนปัจจัยเสี่ยงภายในประเทศ คือ ภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง 78 % ต่อจีดีพี จะเป็นปัจจัยฉุดการอุปโภคบริ โภคภายในประเทศให้ฟื้นตัวได้ล่าช้า และในขณะเดียวกันการใช้กำลั งการผลิตของภาคเอกชนยังอยู่ ในระดับต่ำ ทำให้โอกาสการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตนั้นอาจไม่เกิดขึ้น

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว