บีทีเอสชี้เป้าทำเลพญาไทมีศักยภาพ
บีทีเอสชี้เป้าลายแทงทำเลธุรกิจ มองพญาไทบูมสุด รับเชื่อมต่อขนส่งหลายทาง เล็งปรับค่าโดยสารคิดเป็นโซนในอนาคต
นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS) กล่าวในงานสัมมนา "ผังเมืองใหม่ - เมกะโปรเจ็กต์ : พลิกโฉมกทม." ในช่วงเสวนาพิเศษ "เปิดลายแทงทำเลธุรกิจ" ว่า ทำเลที่มีศักยภาพใน 3-5 ปีข้างหน้า คือ พญาไท หลังจากเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว แอร์พอร์ตลิ้งค์ และรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ซึ่งรัฐจะมีการเปิดให้ประมูลก่อสร้างรถไฟไฮสปีด และให้สิทธิพัฒนาแอร์พอร์ตลิ้งค์ด้วย ส่วนทำเลคูคต มองว่าเมื่อเปิดให้บริการรถไฟฟ้าในอีก 2 ปีข้างหน้า มั่นใจว่าจะเป็นจุดที่ทำให้ผู้ที่อาศัยเลยจากคูคตสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกมากขึ้น ขณะที่ สำโรง ที่เป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสีเหลือง จะช่วยให้ผู้ที่อาศัยในฝั่งเทพารักษ์และศรีนครินทร์ สามารถเดินทางเชื่อมต่อได้ง่ายขึ้น
สำหรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่ปัจจุบันมีราคาค่อนข้างสูงนั้น มาจากโครงสร้างเดิมคือคิดตามระยะทางจริง เพราะมีจำนวนกม.ที่ให้บริการไม่มาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาและหารือกับผู้ให้บริการในการปรับลดค่าโดยสารลง โดยในอนาคตหากมีรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 200 - 300 กม. มีความเป็นไปได้ที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างคิดค่าโดยสารเป็นโซน เช่น โซน 1 , 2 หรือ 3 เหมือนกับการให้บริการในต่างประเทศ
"ทางรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้โจทย์เรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้าจะมีโอกาสขยับลงได้หรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีผลกระทบกับผู้ให้บริการ โดยต้องหารือกันพรอมกับภาครัฐ และพิจารณาถึงโครงข่ายและจำนวนผู้โดยสารว่าสมดุลกันหรือไม่ เพราะหากค่าโดยสารแพงไป จะทำให้ประชาชนเลี่ยงไปใช้วิธีเดินทางอื่น แต่หากราคาต้องจับต้องได้ และเมื่อเทียบกับความคุ้มค่ากับการใช้รถส่วนตัว หากรถไฟฟ้าดีกว่า ก็จะทำให้สามารถไปด้วยกันได้"
นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS) กล่าวในงานสัมมนา "ผังเมืองใหม่ - เมกะโปรเจ็กต์ : พลิกโฉมกทม." ในช่วงเสวนาพิเศษ "เปิดลายแทงทำเลธุรกิจ" ว่า ทำเลที่มีศักยภาพใน 3-5 ปีข้างหน้า คือ พญาไท หลังจากเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว แอร์พอร์ตลิ้งค์ และรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ซึ่งรัฐจะมีการเปิดให้ประมูลก่อสร้างรถไฟไฮสปีด และให้สิทธิพัฒนาแอร์พอร์ตลิ้งค์ด้วย ส่วนทำเลคูคต มองว่าเมื่อเปิดให้บริการรถไฟฟ้าในอีก 2 ปีข้างหน้า มั่นใจว่าจะเป็นจุดที่ทำให้ผู้ที่อาศัยเลยจากคูคตสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกมากขึ้น ขณะที่ สำโรง ที่เป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสีเหลือง จะช่วยให้ผู้ที่อาศัยในฝั่งเทพารักษ์และศรีนครินทร์ สามารถเดินทางเชื่อมต่อได้ง่ายขึ้น
สำหรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่ปัจจุบันมีราคาค่อนข้างสูงนั้น มาจากโครงสร้างเดิมคือคิดตามระยะทางจริง เพราะมีจำนวนกม.ที่ให้บริการไม่มาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาและหารือกับผู้ให้บริการในการปรับลดค่าโดยสารลง โดยในอนาคตหากมีรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 200 - 300 กม. มีความเป็นไปได้ที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างคิดค่าโดยสารเป็นโซน เช่น โซน 1 , 2 หรือ 3 เหมือนกับการให้บริการในต่างประเทศ
"ทางรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้โจทย์เรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้าจะมีโอกาสขยับลงได้หรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีผลกระทบกับผู้ให้บริการ โดยต้องหารือกันพรอมกับภาครัฐ และพิจารณาถึงโครงข่ายและจำนวนผู้โดยสารว่าสมดุลกันหรือไม่ เพราะหากค่าโดยสารแพงไป จะทำให้ประชาชนเลี่ยงไปใช้วิธีเดินทางอื่น แต่หากราคาต้องจับต้องได้ และเมื่อเทียบกับความคุ้มค่ากับการใช้รถส่วนตัว หากรถไฟฟ้าดีกว่า ก็จะทำให้สามารถไปด้วยกันได้"
