คมนาคมลุยพัฒนาระบบรางเปลี่ยนวิถีคนเมืองลดต้นทุนเพิ่มขีดความสามารถปท.
คมนาคมลุยพัฒนาระบบรางเปลี่ยนวิถีคนเมืองลดต้นทุน-เพิ่มขีดความสามารถประเทศ
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “เมกะโปรเจ็กต์คมนาคม : กระตุ้นลงทุนภาคเอกชน” ในงานสัมมนา “ผังเมืองใหม่ –เมกะโปรเจ็กต์ : พลิกโฉม กทม.” ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ตอนหนึ่งว่า เมื่อก่อนผังเมืองกทม.ถูกวางโดยโครงข่ายถนน แต่ตอนนี้ให้ความสำคัญกับโครงข่ายรถไฟฟ้าในการวางผังเมือง ว่าควรจะวางตรงไหนเป็นสีอะไร จัดประโยชน์พื้นที่อย่างไร เป็นการสะท้อนว่ารถไฟฟ้าเป็นระบบหลักของคนในเมือง
ส่วนการพัฒนาการคมนาคมในเมือง นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ต้องเชื่อมไร้รอยต่ออย่างมีประสิทธิภาพ ลงเครื่องบินมาจะเดินทางต่ออย่างไร ลงรถไฟแล้วจะไปต่ออย่างไร ซึ่งสิ่งที่กำลังดำเนินการตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพและปริมณฑล (M-map) จะมีรถไฟฟ้าทั้งหมด 12 สาย ระยะทางรวม 509 กิโลเมตร ซึ่งจะสามารถรองรับการเดินทางได้ 5 ล้านคนต่อวัน ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนวิธีการเดินทางของคนกทม. ซึ่งทุกโครงการกำลังเดินหน้าและเร่งรัด รอลงนามสัญญาและเตรียมเสนอครม.หลายโครงการ
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงคมนาคม ยังเผยถึง แผนแม่บทรถไฟฟ้าระยะที่ 2 (M-Map2) ว่า เป็นโครงการที่ภาคเอกชนให้ความสนใจอย่างมาก และกล่าวถึงศูนย์คมนาคมพหลโยธิน สถานีกลางบางซื่อ ว่าจะเป็นศูนย์กลางการขนส่งของประเทศไทยและระดับอาเซียน พื้นที่โดยรอบจะถูกพัฒนาเป็นเชิงพาณิชย์ มีศูนย์ประชุม ห้างสรรพสินค้า เป็นศูนย์ธุรกิจแห่งใหม่ของประเทศไทย เป็นแม่เหล็กของการลงทุน และถูกพัฒนาภายใต้คอนเซ็ป TOD และสมาร์ทซิตี้
ส่วนการดำเนินโครงการของกระทรวงคมนาคมภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และยุทธศาสตร์คมนาคม ซึ่งจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบรางมากขึ้น จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมาภาคคมนาคมของประเทศมีแนวโน้มต้นทุนจากการขนส่งยังสูงและ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแนวทางการลงทุนระบบรางเป็นระบบหลักมีแนวทางคือ 1. ทำรางเดียวที่มีมากถึง 90% ต้องทำเป็นทางคู่ รถไฟจะสวนกันได้ตลอดเวลาทั้งประเทศ 2. ทำรางรถไฟฟ้าในเมือง มีการเร่งโครงการทั้งหมดให้ในรัฐบาลชุดนี้ 3.เร่งโครงการรถไฟความเร็วสูง
“ในการลดต้นทุนโลจิสติกส์ แนวทางของกระทรวงคมนาคมคือ ต้องเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ต้องเพิ่มการขนส่งทางราง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โครงสร้างพื้นฐานต้องเชื่อมไทยเชื่อมโลก ต้องคิดไกลๆถึงการเชื่อมจีน ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา การพัฒนาต้องไม่พัฒนาเพียงโครงสร้าง แต่หมายถึงการบริการต่างๆของกระทรวงคมนาคมด้วย”
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “เมกะโปรเจ็กต์คมนาคม : กระตุ้นลงทุนภาคเอกชน” ในงานสัมมนา “ผังเมืองใหม่ –เมกะโปรเจ็กต์ : พลิกโฉม กทม.” ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ตอนหนึ่งว่า เมื่อก่อนผังเมืองกทม.ถูกวางโดยโครงข่ายถนน แต่ตอนนี้ให้ความสำคัญกับโครงข่ายรถไฟฟ้าในการวางผังเมือง ว่าควรจะวางตรงไหนเป็นสีอะไร จัดประโยชน์พื้นที่อย่างไร เป็นการสะท้อนว่ารถไฟฟ้าเป็นระบบหลักของคนในเมือง
ส่วนการพัฒนาการคมนาคมในเมือง นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ต้องเชื่อมไร้รอยต่ออย่างมีประสิทธิภาพ ลงเครื่องบินมาจะเดินทางต่ออย่างไร ลงรถไฟแล้วจะไปต่ออย่างไร ซึ่งสิ่งที่กำลังดำเนินการตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพและปริมณฑล (M-map) จะมีรถไฟฟ้าทั้งหมด 12 สาย ระยะทางรวม 509 กิโลเมตร ซึ่งจะสามารถรองรับการเดินทางได้ 5 ล้านคนต่อวัน ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนวิธีการเดินทางของคนกทม. ซึ่งทุกโครงการกำลังเดินหน้าและเร่งรัด รอลงนามสัญญาและเตรียมเสนอครม.หลายโครงการ
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงคมนาคม ยังเผยถึง แผนแม่บทรถไฟฟ้าระยะที่ 2 (M-Map2) ว่า เป็นโครงการที่ภาคเอกชนให้ความสนใจอย่างมาก และกล่าวถึงศูนย์คมนาคมพหลโยธิน สถานีกลางบางซื่อ ว่าจะเป็นศูนย์กลางการขนส่งของประเทศไทยและระดับอาเซียน พื้นที่โดยรอบจะถูกพัฒนาเป็นเชิงพาณิชย์ มีศูนย์ประชุม ห้างสรรพสินค้า เป็นศูนย์ธุรกิจแห่งใหม่ของประเทศไทย เป็นแม่เหล็กของการลงทุน และถูกพัฒนาภายใต้คอนเซ็ป TOD และสมาร์ทซิตี้
ส่วนการดำเนินโครงการของกระทรวงคมนาคมภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และยุทธศาสตร์คมนาคม ซึ่งจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบรางมากขึ้น จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมาภาคคมนาคมของประเทศมีแนวโน้มต้นทุนจากการขนส่งยังสูงและ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแนวทางการลงทุนระบบรางเป็นระบบหลักมีแนวทางคือ 1. ทำรางเดียวที่มีมากถึง 90% ต้องทำเป็นทางคู่ รถไฟจะสวนกันได้ตลอดเวลาทั้งประเทศ 2. ทำรางรถไฟฟ้าในเมือง มีการเร่งโครงการทั้งหมดให้ในรัฐบาลชุดนี้ 3.เร่งโครงการรถไฟความเร็วสูง
“ในการลดต้นทุนโลจิสติกส์ แนวทางของกระทรวงคมนาคมคือ ต้องเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ต้องเพิ่มการขนส่งทางราง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โครงสร้างพื้นฐานต้องเชื่อมไทยเชื่อมโลก ต้องคิดไกลๆถึงการเชื่อมจีน ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา การพัฒนาต้องไม่พัฒนาเพียงโครงสร้าง แต่หมายถึงการบริการต่างๆของกระทรวงคมนาคมด้วย”
