รายย่อยยื่นศาลเบรกฟื้นฟู 'ไอเฟค'

24 ต.ค. 2561 | 07:33 น.
รายย่อยร้องขอความเป็นศาลล้มละลายฯ แตะเบรกกลุ่ม "หมอวิชัย" ดึงไอเฟคเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ทั้ง ๆ ที่มีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน สร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับผู้ถือหุ้นกว่า 3 หมื่นราย

นางสาวเยาวลักษณ์ ฤทธิ์สมจิตต์ ในฐานะตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ได้รับความเดือดร้อนจากการลงทุน บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC เปิดเผยว่า ผู้ถือหุ้นรายย่อย เจ้าหนี้หุ้นกู้ และเจ้าหนี้ตั๋วแลกเงินของบริษัท ทำหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีที่ นางสมศรี จีระวิพูลวรรณ ร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการบริษัท ซึ่งศาลล้มละลายกลางนัดไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการในวันที่ 29 ต.ค. นี้


ifec1

จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า เป็นเจ้าหนี้หุ้นกู้เทียมที่ถูกสร้างขึ้นมา มีความเชื่อมโยงอดีตกรรมการไอเฟค ซึ่งมีเจตนาไม่สุจริต มุ่งประวิงเวลา ขัดขวางการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นที่จะเลือกกรรมการชุดใหม่เข้ามาบริหารจัดการกิจการของบริษัทฯ และบริษัทย่อย อีกทั้งมูลค่าทรัพย์สินของบริษัทฯ ยังมากกว่าหนี้สิน และมีโอกาสในทางธุรกิจ ยังไม่จำเป็นต้องยื่นฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง

"พวกเราเชื่อว่า คณะกรรมการชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งของผู้ถือหุ้นโดยวิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย มีความสามารถที่จะบริหารจัดการบริษัทฯ ให้กลับมาแข็งแกร่งและสามารถชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ทั้งหลายได้ ดังนั้น จึงขอกราบเรียนท่านอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลางได้โปรดตรวจสอบ เพื่อที่จะให้ความเป็นธรรมกับผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้ส่วนเสียกว่า 3 หมื่นรายของบริษัทฯ ด้วย"

สำหรับประเด็นที่ผู้ถือหุ้นร้องขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลาย เพื่อคัดค้านการขอให้ฟื้นฟูกิจการไอเฟค ประกอบด้วย 5 ประเด็น คือ 1.ผู้ร้องไม่มีอำนาจยื่นคำร้องและใช้สิทธิโดยไม่สุจริต แอบอ้างสิทธิหุ้นกู้เพื่อบิดเบือนเจตนาของกฎหมายฟื้นฟูกิจการ และมีความสัมพันธ์เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับ นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตประธานกรรมการบริหารของบริษัทฯ ซึ่งได้ถูก ก.ล.ต. กล่าวโทษคดีอาญา และให้พ้นจากตำแหน่งบริหารของบริษัทฯ

 

[caption id="attachment_337263" align="aligncenter" width="503"] วิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตประธานกรรมการบริหารของบริษัทฯ วิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตประธานกรรมการบริหารของบริษัทฯ[/caption]

ประเด็นที่ 2 บริษัทไม่มีเหตุที่จะต้องฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากบริษัทไม่ได้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ตามมาตรา 90/3 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย ดังที่ปรากฏจากงบการเงินประจำปี 2559 ที่รายงานต่อตลาดหุ้นฯ ระบุว่า บริษัทมีสินทรัพย์ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2559 รวม 12,630 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 9,343 ล้านบาท ซึ่งแสดงว่า บริษัทมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน

ประเด็นที่ 3 ผู้ร้องขอแต่งตั้ง นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ เป็นผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ ทั้งที่นายศุภนันท์ถูก ก.ล.ต. พิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับ โดย ก.ล.ต. ได้มีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินคดีกับนายศุภนันท์ต่อศาลแพ่ง ให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำผิดเป็นเงิน 31.96 ล้านบาท และ ก.ล.ต. มีคำสั่งให้นายศุภนันท์ฯ พ้นจากการเป็นกรรมการของบริษัทฯ และไม่สามารถดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนแห่งอื่น เป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. 2561 เป็นต้นไป

4.บริษัทฯ มีปัญหาเกี่ยวกับจำนวนกรรมการที่ไม่ครบเป็นองค์ประชุม และ 5.การดำเนินการให้มีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อแก้ไขปัญหาของบริษัทฯ การจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเลือกตั้งกรรมการใหม่ตามมาตรา 83 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนฯ เพื่อให้บริษัทมีจำนวนกรรมการครบเป็นองค์ประชุม จะเป็นวิธีที่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และทำให้บริษัทฯ กลับมาประกอบธุรกิจปกติได้โดยเร็ว

นอกจากนี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ผู้ถือหุ้นได้ใช้สิทธิเรียกประชุมผู้ถือหุ้นโดยอาศัยมาตรา 100 แห่ง พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 โดยการสนับสนุนของ ก.ล.ต., ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งการขัดขวางย่อมเป็นการยาก จึงได้สมคบกันนำมายื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ

"ผู้ถือหุ้นรายย่อยต้องขอขอบคุณกรรมการไอเฟคทั้ง 2 ท่าน คือ พล.ต.บุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ และนายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูมิ กรรมการที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งได้ทำหน้าที่ปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ แทนผู้ถือหุ้น ด้วยการเข้าไปตรวจสอบการดำเนินกิจการของไอเฟค แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่ายังคงถูกขัดขวางการทำงานจากอดีตกรรมการ ไม่ให้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัทย่อย เป็นเจตนาชี้ชัดว่าหวังครอบงำกิจการ"


S__7643335 595959859