'ซูบารุ' ปักธงเอสยูวี! หวัง 5 ปี ยอดทะลุหมื่นคัน

25 ต.ค. 2561 | 04:18 น.
'ซูบารุ' เผย บริษัทแม่ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดในเซ็กเมนต์เอสยูวี 2% หรือกว่า 1 หมื่นคัน ภายใน 5 ปี มั่นใจ "ฟอเรสเตอร์" ใหม่ ที่ผลิตจากโรงงานในประเทศต้นปีหน้า จะช่วยผลักดันยอดขาย เร่งขยายดีลเลอร์ 45 แห่ง และผุดธุรกิจรถมือ 2

หลังจากกลุ่มบริษัท ตันจง อินเตอร์เนชันแนล และซูบารุ คอร์ป ประกาศการลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้าง โรงงานแห่งแรกในประเทศไทย บนเนื้อที่ 65 ไร่ ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง โดยโรงงานดังกล่าวมีกำลังการผลิตสูงสุด 1.5 แสนคันต่อปี รองรับการผลิตรถทั้งหมด 4 รุ่น แต่ในเบื้องต้นจะผลิต 1 รุ่นก่อน ได้แก่ ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ที่จะเริ่มเปิดไลน์ในเดือน มี.ค. 2562 และผลิตจำนวน 6,000 คันในปีแรก

"ตามแผนงานที่บริษัทแม่วางไว้ คือ ปี 2021 จะเพิ่มไลน์การผลิตให้ครบทั้ง 4 รุ่น ในประเทศไทย โดยแบ่งสัดส่วนเป็นผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศ 60% และส่งออก 40% ไปยังเวียดนาม, มาเลเซีย อย่างไรก็ดี เราอาจจะขยายไปยังตลาดอินโดนีเซียด้วย ทั้งนี้ เพราะตลาดมาเลเซียกำลังมีการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ ซึ่งอาจกระทบกับการส่งออก" นายวิชัย ชินณรงค์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย)ฯ กล่าวและว่า

 

[caption id="attachment_336760" align="aligncenter" width="503"] วิชัย ชินณรงค์ วิชัย ชินณรงค์[/caption]

สำหรับแผนการลงทุนในครั้งนี้ บริษัทแม่ตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 5 ปี ซูบารุในไทยจะต้องมีส่วนแบ่งตลาดในเซ็กเมนต์เอสยูวี หรือ ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ 2% หรือ คิดเป็นจำนวนคันประมาณ 1 หมื่นคันต่อปี

นายวิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า รถรุ่นแรกที่จะผลิตจากโรงงานในประเทศ อย่าง ฟอเรสเตอร์ ใหม่ จะสามารถสู้กับคู่แข่งในตลาดได้ โดยประมาณเดือน พ.ย. จะมีการเข้าร่วมงานมอเตอร์เอ็กซ์โป พร้อมประกาศราคาขาย ส่วนอีก 3 รุ่นที่ได้วางแผนไว้ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นรถรุ่นไหน แต่เบื้องต้นที่วางไว้จะอยู่ในกลุ่มเอสยูวีพรีเมียมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

"ตลาดรถในกลุ่มเอสยูวี หรือ รถอเนกประสงค์ มีการเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มครอสโอเวอร์ ที่มีความนิยมเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับช่วงเวลานี้ถึงรอบการเปลี่ยนรถ เพราะบางคันซื้อในช่วงรถคันแรก และถือครองครบตามเงื่อนไข ดังนั้น ก็จะมีการมองหาและขยับมาซื้อรถใหม่ ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจก็เติบโต จึงคาดว่าตลาดรวมรถยนต์ทั้งหมดก็จะโตทะลุ 1 ล้านคัน"

ส่วนแผนงานด้านอื่น ๆ ที่เตรียมรองรับกับการเติบโตในอนาคตของซูบารุ คือ การขยายตัวแทนจำหน่าย โดยปัจจุบันมีจำนวน 26 แห่ง และในปลายปีนี้จะเพิ่ม 9 ราย ได้แก่ ขอนแก่น เลย อุบลราชธานี นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ราชบุรี และระยอง ส่วนเป้าหมายในปี 2562 จะมี 45 แห่ง

ล่าสุด เพิ่งจะทำการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ของซูบารุ ขอนแก่น บริหารงานภายใต้ บริษัท อิเซกิ ชัยภูมิ แทรคเตอร์ฯ ที่ใช้งบลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท บนเนื้อที่ 1 ไร่ รองรับทั้งส่วนการขายและบริการหลังการขาย พร้อมทั้งรถโมบาย 1 ทีม และรถสไลด์


090861-1927-9-335x503

นายวิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า โชว์รูมและศูนย์บริการที่จะเปิดใหม่จะมีการพัฒนา CI ใหม่ จะมีการนำเทคโนโลยี AR, VR เข้ามาใช้ โดยจะเป็นโชว์รูมยุคใหม่ที่ลูกค้าสามารถสัมผัสรถ หรือ ทดลองขับได้ โดยไม่จำเป็นต้องอยู่บนถนน รวมไปถึงสามารถเลือกรถ แต่งรถ เปลี่ยนสีเปลี่ยนรุ่นต่าง ๆ ได้ตามต้องการ

แผนงานด้านต่อมาที่ซูบารุจะเน้นเป็นพิเศษ คือ การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และเพิ่มความถี่ในการจัดโรดโชว์ในต่างจังหวัด อาทิ โชว์สตั้นของรัสส์ สวิฟท์ นักขับรถผาดโผน เจ้าของสถิติกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดชาวอังกฤษ ที่จัดขึ้น 3 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต โคราช เชียงใหม่

นอกจากนั้นแล้ว ได้ปรับปรุงบริการหลังการขาย รวมถึงสต๊อกอะไหล่ ที่มีการคำนวณและจัดสรรเวลาได้ดีขึ้น ลูกค้าไม่ต้องรอ ส่วนกลยุทธ์ด้านราคาขาย จะไม่มีการลดราคาเหมือนในอดีต แต่จะมีเพียงแคมเปญส่งเสริมการขายตามปกติ

อีกหนึ่งแผนงานที่ซูบารุกำลังศึกษา คือ การเปิดขายรถมือ 2 ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการศึกษา แต่คาดว่าจะให้ตัวแทนจำหน่ายทุกแห่งมี เพราะเป็นการเพิ่มโอกาสทางการขายรถใหม่ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะได้เห็นในปีหน้า

จากแผนงานที่กล่าวมานี้ คาดว่า ในปี 2561 บริษัทจะมียอดขาย 2,400 คัน แบ่งสัดส่วนการขายออกเป็นรถรุ่นต่าง ๆ ได้แก่ ซูบารุ เอ็กซ์วี 60%, ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ 35% และอื่น ๆ อีก 5% ซึ่งในปีหน้าหากโรงงานเริ่มเดินหน้าก็คาดว่าตัวเลขการขายจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ขณะที่ ตัวเลขประชากรรถซูบารุในไทยปัจจุบัน มีประมาณ 2.5 หมื่นคัน


หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,412 วันที่ 25 - 27 ตุลาคม พ.ศ. 2561

595959859