TIGER มั่นใจ! เทรดวันแรกหุ้นยืนเหนือราคาจอง อวดรายได้โตไม่ต่ำกว่า 30% ต่อปี

22 ต.ค. 2561 | 06:58 น.
TIGER มั่นใจเข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ mai วันแรก 24 ต.ค. นี้ หุ้นยืนเหนือราคาจอง เหตุกระแสตอบรับจากนักลงทุนสถาบันและรายย่อย อวดรายได้โตไม่ต่ำกว่า 30% ต่อปี เผย ปัจจุบันงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเล็งเข้าร่วมประมูลงานโครงการใหม่ ๆ จากภาครัฐ-เอกชนอีกเพียบ มั่นใจ! หนุนผลงานในปี 2562 โตก้าวกระโดด


4FFB8966-7C6E-47D6-B1A0-8913257505FE

นายจตุรงค์ ศรีกุลเรืองโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TIGER) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย อิงเกอร์ จำกัด (TEC ) เชื่อมั่นว่า หุ้น TIGER ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 24 ต.ค. นี้ จะสามารถยืนเหนือราคาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่หุ้นละ 3.65 บาท เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ผลประกอบการเติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่อง ประกอบกับมีผู้บริหารและบุคลากรที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ ในธุรกิจรับเหมาและออกแบบมายาวนาน

ทั้งนี้ TIGER ประกอบธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยในปัจจุบันบริษัทฯ มีการถือหุ้น 99.99% ในบริษัท ไทย อิงเกอร์ จำกัด (TEC) หรือ บริษัทแกน ซึ่งเป็นบริษัทแกน (Core Company) ประกอบธุรกิจให้บริการรับเหมาก่อสร้างงานวิศวกรรมโยธาทุกประเภท รวมทั้งงานออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม (Construction Contractor – Build & Design) นอกจากนี้ ยังประกอบธุรกิจสนับสนุนงานรับเหมาก่อสร้าง ได้แก่ 1) ธุรกิจออกแบบและผลิต พร้อมติดตั้งอุปกรณ์จากกระจกและอะลูมิเนียมสำหรับงานสถาปัตยกรรมและงานตกแต่ง ดำเนินการโดย บริษัท ทีอีจี อลูมินั่ม จำกัด หรือ TEA และ 2) ธุรกิจออกแบบและผลิต พร้อมติดตั้งระบบน้ำดีและน้ำเสีย รวมทั้งจัดหาและจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างอื่น ๆ ดำเนินการโดย บริษัท ทีอี แมค จำกัด หรือ TEM

ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลังในปี 2558-2560 และ 6 เดือนแรกของปี 2561 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9.29 ล้านบาท 36.65 ล้านบาท 67.74 ล้านบาท และ 31.30 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นการเติบโตของกำไรสุทธิที่ 294.72% ในปี 2559 และ 84.82% ในปี 2560 และ 20.38% เมื่อเทียบ 6 เดือนแรกของปี 2561 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเมื่อพิจารณาเป็นอัตรากำไรสุทธิ กลุ่มบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 2.51%, 7.40%, 10.99% และ 8.85% ในปี 2558-2560 และ 6 เดือนแรกของปี 2561 ตามลำดับ

"ที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของ TIGER เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รายได้รวมเพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า 30% ต่อปี ขณะที่ กำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูง เป็นตัวเลข 2 หลักมาโดยตลอด หรือ เฉลี่ยประมาณ 16-18% และที่สำคัญงานที่เรารับส่วนใหญ่จะเป็นงานที่มาร์จิ้นอยู่ในระดับสูง เนื่องจากเป็นงานที่ต้องใช้ทีมงานที่มีประสบการณ์ ทำให้ลูกค้าแนะนำปากต่อปาก ซึ่งหลังจากที่ TIGER ได้รับเงินจากการขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ จะยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าประมูลงานใหม่ ๆ ที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น ทำให้ธุรกิจเติบโตก้าวกระโดด"

ปัจจุบัน บริษัทมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างเข้าร่วมประมูลงานใหม่ ๆ อีกหลายโครงการ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ โดยปัจจุบัน สัดส่วนงานภาคเอกชนและภาครัฐอยู่ที่ 60:40 ซึ่งในอนาคตวางเป้าหมายงานภาคเอกชนและภาครัฐอยู่ที่ 50:50 เพื่อกระจายความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจ


DB347CA7-FCF3-4714-9E38-708D6F339245

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม สายงานวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TIGER) มั่นใจว่า TIGER จะกลายเป็นหุ้นน้องใหม่ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุน เนื่องจากในอนาคตมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในส่วนของงานภาครัฐ จากการที่รัฐบาลมีโยบายขยายการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งบริษัท ฯ เตรียมเข้าประมูลงานใหม่เป็นจำนวนมาก โดยมีหลายโปรเจคที่เตรียมประกาศผลในเร็ว ๆ นี้ ผลักดันผลงานในปี 2562 เติบโตอย่างก้าวกระโดด

ทั้งนี้ หุ้น TIGER จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ในวันที่ 24 ต.ค. 2561 นี้


โปรโมทแทรกอีบุ๊ก