พลัสพร็อพเพอร์ตี้ ชูกลยุทธ์ Customer Focus เปิดหลักสูตร “Her Forward” ส่งเสริมช่างหญิง
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เดินหน้ากลยุทธ์ Customer Focus ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เปิดหลักสูตรใหม่ “Her Forward” ยกระดับบุคลากรหญิงก้าวข้ามขีดจำกัดในด้านงานช่าง ให้บริการงานซ่อมได้ทัดเทียมบุคลากรชาย ตอบโจทย์ลูกค้าผู้หญิงที่พักอาศัยในคอนโดมิเนียม
นางสาวนฤมล อาภรณ์ธนกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบริหารอาคารที่พักอาศัย บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้ากลยุทธ์ Customer Focus ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุด โดยล่าสุด ได้เปิดหลักสูตรพิเศษสอนทักษะงานช่างเบื้องต้นให้บุคลากรหญิง ที่ชื่อว่า “Her Forward” ยกระดับงานบริการของบุคลากรผู้หญิงให้สามารถทำงานได้ทัดเทียมผู้ชาย
โดยเฉพาะทักษะด้านงานช่างเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นพนักงานธุรการหญิงที่ผ่านการอบรม สามารถตอบคำถาม หรือแก้ไขปัญหาให้ลูกบ้านเบื้องต้นได้ ทั้งการตรวจสอบระบบงานภายในห้อง เช่นการแก้ปัญหาสัญญาณโทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต การเปลี่ยนหลอดไฟ สายฝักบัว สายฉีดชำระ และการรู้จักระบบไฟฟ้าและประปาในที่อยู่อาศัย รวมไปถึงสามารถให้คำแนะนำเบื้องต้นแก่ผู้อยู่อาศัยได้ โดยผู้ผ่านการอบรวมจะมีตราแสดงคุณสมบัติติดเสื้อ
Her Forward เกิดขึ้นจากการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลตลาดและพบว่าปัจจุบันผู้หญิงในวัยทำงานมีแนวโน้มครองตนเป็นโสดมากขึ้น ซึ่งกลุ่มคนโสดนี้เป็นกลุ่มที่มีอำนาจในการตัดสินใจซื้อสูงและยังเป็นกลุ่มที่เลือกที่อยู่อาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียม การพัฒนาหลักสูตรที่เสริมสร้างทักษะงานช่างเบื้องต้นให้พนักงานหญิงนี้ จะสามารถตอบโจทย์การให้บริการในห้องพักของกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี
“ปัจจุบันเกือบ 100% ของงานช่างภายในอาคารเป็นบุคลากรเพศชาย ทำให้การติดต่อขอความช่วยเหลือในยามฉุกเฉินสำหรับผู้อาศัยผู้หญิงที่อยู่เพียงลำพังอาจมีข้อจำกัด ดังนั้นเพื่อให้การทำงานภายในที่พักอาศัยมีมาตรฐานเดียวกันและรวดเร็ว สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้ทันที สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้อยู่อาศัยทุกเพศทุกวัย และยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการ เราจึงพัฒนาหลักสูตร Her Forward นี้ขึ้นมา เพื่อสร้างบุคลากรที่สามารถให้บริการด้านงานช่างที่ไม่จำกัดแค่เพียงผู้ชายเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับความสามารถของบุคลากรหญิงให้ทัดเทียมบุคลากรชาย เพื่อมอบการบริการที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้าได้อย่างไม่มีข้อจำกัด” นางสาวนฤมล กล่าว
จากข้อมูลการวิเคราะห์ของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม พบว่ามี 5 ปัจจัยหลักที่ใช้พิจารณาเลือกคอนโดมิเนียมสำหรับอยู่อาศัย ปัจจัยที่สำคัญอันดับ 1 คือภาพลักษณ์ที่ดี และความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ อันดับ 2 ต้องเป็นโครงการมีความปลอดภัยสูง มีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นการโจรกรรมหรือเหตุร้ายจากบุคคลแปลกหน้า จึงมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยกว่าการอาศัยอยู่บ้านเพียงลำพัง อันดับ 3 ต้องมีการจัดการภายในโครงการที่เป็นระบบ กล่าวคือมีสภาพแวดล้อมที่ดี และได้รับการบริการที่รวดเร็วทันใจจากบุคลากรภายในองค์กร หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ท่อน้ำแตก แอร์เสีย สามารถติดต่อช่างได้เพียงการโทรผ่านนิติบุคคล ก็สามารถจัดการปัญหาเรื่องยากๆ ให้เป็นเรื่องที่สะดวกสบายขึ้น แม้ว่าจะอยู่อาศัยเพียงลำพังคนเดียวก็ตาม
ส่วนอันดับ 4 คือต้องเป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโต มีความสะดวกสบายในการเดินทาง อยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า และปัจจัยอันดับที่ 5 คือต้องมีพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยได้ผ่อนคลายจากการทำงานหรือการเรียนที่เหนื่อยล้า ไม่ว่าจะเป็นสวนสีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และ Co-working Space เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน และการอ่านหนังสือ เป็นต้น
อนึ่ง จากข้อมูลสำนักงานสถิติพบว่า 51% ของประชากรไทยเป็นผู้หญิง (มากกว่าผู้ชาย 1.25 ล้านคน) อีกทั้งจากข้อมูลเชิงสถิติในปี 2560 พบว่าตัวเลขจดทะเบียนสมรสต่ำสุด สะท้อนถึงการครองตนเป็นโสดของหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของ MeetNLunch เว็บไซต์หาคู่ ที่ระบุว่าปัจจุบันในประเทศไทยมีจำนวนคนโสดในวัยทำงานมากกว่า 40% ดังนั้นหากนำตัวเลขดังกล่าวมาวิเคราะห์ต่อจะพบว่า คนโสดในวัยทำงานคิดเป็นจำนวนกว่า 17 ล้านคน ดังนั้นในอีก 7 ปี คาดว่าจะมีจำนวนคนโสดราว 19.6 ล้านคน โดยคนโสดอาจต้องรู้จักวางแผนทั้งด้านการเงิน การงาน สุขภาพ และที่อยู่อาศัย เนื่องจากเกือบ 16 ชั่วโมงของเวลาในแต่ละวันจะใช้ไปกับสถานที่ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ ซึ่งคอนโดมิเนียมถือเป็นทางเลือกด้านที่อยู่อาศัยของคนโสดในยุคปัจจุบัน
นางสาวนฤมล อาภรณ์ธนกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบริหารอาคารที่พักอาศัย บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้ากลยุทธ์ Customer Focus ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุด โดยล่าสุด ได้เปิดหลักสูตรพิเศษสอนทักษะงานช่างเบื้องต้นให้บุคลากรหญิง ที่ชื่อว่า “Her Forward” ยกระดับงานบริการของบุคลากรผู้หญิงให้สามารถทำงานได้ทัดเทียมผู้ชาย
โดยเฉพาะทักษะด้านงานช่างเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นพนักงานธุรการหญิงที่ผ่านการอบรม สามารถตอบคำถาม หรือแก้ไขปัญหาให้ลูกบ้านเบื้องต้นได้ ทั้งการตรวจสอบระบบงานภายในห้อง เช่นการแก้ปัญหาสัญญาณโทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต การเปลี่ยนหลอดไฟ สายฝักบัว สายฉีดชำระ และการรู้จักระบบไฟฟ้าและประปาในที่อยู่อาศัย รวมไปถึงสามารถให้คำแนะนำเบื้องต้นแก่ผู้อยู่อาศัยได้ โดยผู้ผ่านการอบรวมจะมีตราแสดงคุณสมบัติติดเสื้อ
Her Forward เกิดขึ้นจากการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลตลาดและพบว่าปัจจุบันผู้หญิงในวัยทำงานมีแนวโน้มครองตนเป็นโสดมากขึ้น ซึ่งกลุ่มคนโสดนี้เป็นกลุ่มที่มีอำนาจในการตัดสินใจซื้อสูงและยังเป็นกลุ่มที่เลือกที่อยู่อาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียม การพัฒนาหลักสูตรที่เสริมสร้างทักษะงานช่างเบื้องต้นให้พนักงานหญิงนี้ จะสามารถตอบโจทย์การให้บริการในห้องพักของกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี
“ปัจจุบันเกือบ 100% ของงานช่างภายในอาคารเป็นบุคลากรเพศชาย ทำให้การติดต่อขอความช่วยเหลือในยามฉุกเฉินสำหรับผู้อาศัยผู้หญิงที่อยู่เพียงลำพังอาจมีข้อจำกัด ดังนั้นเพื่อให้การทำงานภายในที่พักอาศัยมีมาตรฐานเดียวกันและรวดเร็ว สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้ทันที สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้อยู่อาศัยทุกเพศทุกวัย และยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการ เราจึงพัฒนาหลักสูตร Her Forward นี้ขึ้นมา เพื่อสร้างบุคลากรที่สามารถให้บริการด้านงานช่างที่ไม่จำกัดแค่เพียงผู้ชายเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับความสามารถของบุคลากรหญิงให้ทัดเทียมบุคลากรชาย เพื่อมอบการบริการที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้าได้อย่างไม่มีข้อจำกัด” นางสาวนฤมล กล่าว
จากข้อมูลการวิเคราะห์ของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม พบว่ามี 5 ปัจจัยหลักที่ใช้พิจารณาเลือกคอนโดมิเนียมสำหรับอยู่อาศัย ปัจจัยที่สำคัญอันดับ 1 คือภาพลักษณ์ที่ดี และความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ อันดับ 2 ต้องเป็นโครงการมีความปลอดภัยสูง มีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นการโจรกรรมหรือเหตุร้ายจากบุคคลแปลกหน้า จึงมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยกว่าการอาศัยอยู่บ้านเพียงลำพัง อันดับ 3 ต้องมีการจัดการภายในโครงการที่เป็นระบบ กล่าวคือมีสภาพแวดล้อมที่ดี และได้รับการบริการที่รวดเร็วทันใจจากบุคลากรภายในองค์กร หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ท่อน้ำแตก แอร์เสีย สามารถติดต่อช่างได้เพียงการโทรผ่านนิติบุคคล ก็สามารถจัดการปัญหาเรื่องยากๆ ให้เป็นเรื่องที่สะดวกสบายขึ้น แม้ว่าจะอยู่อาศัยเพียงลำพังคนเดียวก็ตาม
ส่วนอันดับ 4 คือต้องเป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโต มีความสะดวกสบายในการเดินทาง อยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า และปัจจัยอันดับที่ 5 คือต้องมีพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยได้ผ่อนคลายจากการทำงานหรือการเรียนที่เหนื่อยล้า ไม่ว่าจะเป็นสวนสีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และ Co-working Space เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน และการอ่านหนังสือ เป็นต้น
อนึ่ง จากข้อมูลสำนักงานสถิติพบว่า 51% ของประชากรไทยเป็นผู้หญิง (มากกว่าผู้ชาย 1.25 ล้านคน) อีกทั้งจากข้อมูลเชิงสถิติในปี 2560 พบว่าตัวเลขจดทะเบียนสมรสต่ำสุด สะท้อนถึงการครองตนเป็นโสดของหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของ MeetNLunch เว็บไซต์หาคู่ ที่ระบุว่าปัจจุบันในประเทศไทยมีจำนวนคนโสดในวัยทำงานมากกว่า 40% ดังนั้นหากนำตัวเลขดังกล่าวมาวิเคราะห์ต่อจะพบว่า คนโสดในวัยทำงานคิดเป็นจำนวนกว่า 17 ล้านคน ดังนั้นในอีก 7 ปี คาดว่าจะมีจำนวนคนโสดราว 19.6 ล้านคน โดยคนโสดอาจต้องรู้จักวางแผนทั้งด้านการเงิน การงาน สุขภาพ และที่อยู่อาศัย เนื่องจากเกือบ 16 ชั่วโมงของเวลาในแต่ละวันจะใช้ไปกับสถานที่ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ ซึ่งคอนโดมิเนียมถือเป็นทางเลือกด้านที่อยู่อาศัยของคนโสดในยุคปัจจุบัน