'แปซิฟิกา' รุมปั๊มยอดลักชัวรี! สยบข่าวลือปิดทิ้ง 'โค้ช'
"กลุ่มแปซิฟิกา" เดินเครื่องรุกตลาดลักชัวรีแบรนด์ปั้น 'โค้ช' คอนเซ็ปต์สโตร์สู่ Modern Luxury สยบข่าวลือยุบแบรนด์โค้ชทั่วโลก เผย เตรียมทุ่มงบเพิ่ม 30% นำเข้า 3 แบรนด์ใหม่ มั่นใจดันยอดขายปีหน้าเพิ่มกว่า 20%
นายโอภาส เลวิจันทร์ ประธานกรรมการบริษัท กลุ่มบริษัทแปซิฟิกฯ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์สินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลก อาทิ โค้ช (Coach), เคนเนท โคล (Kenneth Cole), เคดส์ (Keds®), ฟูร์ล่า (Furla) ฯลฯ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บริษัทเตรียมแผนรุกตลาดแบรนด์ 'โค้ช' ในเมืองไทย โดยเน้นปรับภาพลักษณ์ของสาขาสู่คอนเซ็ปต์ใหม่ "Modern Luxury" มากขึ้น เพื่อรองรับเทรนด์คนรุ่นใหม่ที่เน้นสไตล์มิกซ์แอนด์แมตซ์ และในสิ้นปีนี้จะขยายสาขาเพิ่ม 1 แห่ง ที่ไอคอนสยาม และเปิดสาขารูปแบบเอาต์เลตในปีหน้าที่ย่านสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้ ภายหลัง Coach ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการ Kate Spade & Co ในช่วงปีที่ผ่านมา แน่นอนว่า ภายหลังทั้ง 2 แบรนด์ เข้ามาอยู่ในร่มเดียวกัน แบรนด์ย่อมมีการซินเนอร์ยี่กันอยู่แล้วในส่วนของโครงสร้างภายใน ทั้งบัญชี, จัดซื้อ ขณะที่แผนการทำตลาดทั่วโลกยังคงแยกกันทำอยู่ และแน่นอนว่า แบรนด์โค้ชทำรายได้ให้แก่บริษัทแม่กว่า 3 ใน 4 ของรายได้ทั้งหมด ดังนั้น บริษัทแม่รวมถึงผู้ถือไลเซนส์ทั่วโลกก็ยังคงเดินหน้าทำตลาดแบรนด์โค้ชเช่นเดิม ไม่มีการควบรวมแบรนด์ดังกระแสข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ในพอร์ตของบริษัทยังมีกลุ่มแบรนด์หลักที่จะเน้นทำตลาดอยู่แล้ว ได้แก่ นิกซ์คอสเมติก, โค้ช, อเมริกัน อีเกิ้ล เอ้าท์ฟิตเตอร์, ฟูร์ล่า, จีอ็อกซ์ พร้อมกันนี้ ยังมีแผนขยายสาขาแบรนด์ในเครือในปีหน้าเพิ่มราว 4 สาขา ได้แก่ แบรนด์ค็อกชิแนลล์ เปิดเพิ่ม 1 สาขา ในรูปแบบ Outlet แบรนด์ฟูร์ล่า 3 สาขา ได้แก่ สาขาจังซีลอน ภูเก็ต, สยามพารากอน และ Bangkok Outlet (Central Group) โดยใช้งบประมาณการลงทุนในปีหน้าเพิ่ขึ้น 30% จากปีนี้ที่ใช้งบลงทุนไปราว 250-300 ล้านบาท ซึ่งจะมีทั้งการขยายสาขา การจับมือกับพันธมิตร เป็นต้น ควบคู่กับการนำเข้าแบรนด์ใหม่ในกลุ่มสินค้าแฟชั่นจากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดเพิ่มอีก 2-3 แบรนด์ ซึ่งเบื้องต้นอยู่ระหว่างการเจรจาในการนำเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย พร้อมกับพัฒนาแบรนด์ของตัวเองเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยเพิ่มเติม จากปัจจุบัน ที่มี FITT แบรนด์เครื่องสำอางทำตลาดอยู่
สำหรับภาพรวมช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา พบว่า แต่ละแบรนด์ในเครือมียอดขายที่เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ราว 15-17% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แม้ภาพรวมธุรกิจแฟชั่นและสภาพเศรษฐกิจโดยรวมจะค่อนข้างละลอตัว ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการขยายธุรกิจทั้งในส่วนของแฟชั่นและเครื่องสำอางที่มีการนำเข้ามาขยายตลาดในเมืองไทยเพิ่มเติมช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น ฟูร์ล่า (Furla), แม็กซ์ แอนด์ โค (MAX&Co.), จีอ็อกซ์ (Geox), เอทโทร (Etro) และเจอร์ลีค (Jurlique) ซึ่งแนวทางนับจากนี้ คือ การสร้างแบรนด์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
ขณะที่ หัวใจสำคัญในการทำตลาดไตรมาสสุดท้ายไปจนถึงปีหน้า คือ การปั้นแบรนด์รองเท้าจีอ็อกซ์ (Geox) ให้กลับมาประสบความสำเร็จในไทยอีกครั้ง หลังจากบริษัทได้รับสิทธิ์ในการจำหน่ายในเมืองไทยมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นการรีลอนซ์แบรนด์ในเมืองไทย พร้อมทั้งปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้ทันสมัย เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น มีความเป็นเทรนดี้มากขึ้น จากเดิมที่ภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นรองเท้าที่เน้นสวมใส่สบายมากกว่าดีไซน์ โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้จะขยายสาขาร้านจีอ็อกซ์ เพิ่ม 3 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เกษร วิลเลจ และพัทยา
"ในพอร์ตสินค้าของบริษัท เรามีการเจาะลูกค้าที่หลากหลายระดับที่ไม่ได้เน้นเฉพาะไฮเอนด์ ซึ่งหากเน้นเฉพาะไฮเอนด์จะสามารถทำตลาดได้เพียง 4-5 แบรนด์ และแน่นอนว่า การสร้างแบรนด์สินค้าที่ครอบคลุมในหลายกลุ่มเป้าหมายจะสามารถครอบคลุมตลาดแฟชั่นได้มากกว่าการรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมั่นใจว่า ในปีหน้าจะสามารถสร้างการเติบโตได้มากกว่า 20%"
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,410 วันที่ 18 - 20 ต.ค. 2561 หน้า 15
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● แปซิฟิกาปูพรมธุรกิจแฟชั่น ควบบริษัทย่อยลงทุนต่อ
● "แปซิฟิกา" รุกขยายสาขา เจาะตลาดทุกระดับดันยอดขายเพิ่ม 40%
