โยกเงินลงหุ้นญี่ปุ่น-จีน

22 ต.ค. 2561 | 06:45 น.
 

>> ‘ทิสโก้’ชี้ช่องทางฟันกำไรตลาดต่างประเทศ

ทิสโก้แนะหาช่องกระจายลงทุนสู่ตลาดหุ้นต่างประเทศ มองตลาดหุ้นญี่ปุ่นน่าสนใจมี Upside 15% ตลาดหุ้นจีนลดลง 20% ค่า P/E เหลือ 10.5 เท่าเหมาะเข้าลงทุน คงเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ 1840 ปลายปีมีเงิน LTF-RMF เข้าตลาด 3-4 หมื่นล้านบาท เลือกตั้งปีหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจคึกคัก
นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ หัวหน้าที่ปรึกษาการลงทุน ทิสโก้เวลธ์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับภาพรวมการลงทุนโลกว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2561 ตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนมากสุดเป็นตลาดหุ้นบราซิล ให้ผลตอบแทน 12.7% ขณะที่ S&P 500 ของสหรัฐฯให้ผลตอบแทน 7.9% ขณะที่ตลาดหุ้นฝั่งยุโรป และตลาดเกิดใหม่ให้ผลขาดทุน ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ลดลงมากสุด 17.6% ฮ่องกงลดลง 12.4% จีนลดลง 11.2% ส่วนตลาดหุ้นไทยลดลง 3.3% ราคานํ้ามันดิบเบรนต์เพิ่มขึ้น 25.3% ราคาทองคำลดลง 8.6% mp17-3411-a

ทิสโก้ยังคงเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ 1840 โดยมองว่าการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2561 ของบริษัทจดทะเบียน ถ้าออกมาดีกว่าคาดจะเป็นปัจจัยบวกสนับสนุน ช่วงนี้หลายๆธนาคารพาณิชย์ก็ประกาศผลประกอบการออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีนี้จะมีเม็ดเงินลงทุนเพิ่มจากกองทุน LTF-RMF เข้ามาประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท และการเลือกตั้งในปีหน้าจะทำให้มีเงินหมุนเวียน 8 หมื่น-1 แสนล้านบาท จะเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นไทยได้

ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น ดัชนีดอลลาร์อินเด็กซ์เพิ่มขึ้น 3.9% ขณะที่ค่าเงินประเทศอื่นๆลดลง การที่ค่าเงินลดลงทำให้เงินลงทุนในตลาดหุ้นประเทศต่างๆได้รับผลกระทบ เพราะนักลงทุนนอกจากมีความเสี่ยงเรื่องราคาหุ้นแล้ว ยังมีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน

[caption id="attachment_335440" align="aligncenter" width="300"] ณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์[/caption]

ปีนี้คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯอยู่ที่ 2.25% ขณะที่ของไทยอยู่ที่ 1.50% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ขึ้นมาสูงสุดที่ 3.16-3.24% ทำให้ต้นทุนการกู้เงินแพงขึ้น ซึ่งอาจจะกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯได้ หากภาคธุรกิจปรับตัวไม่ทัน โดยในปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเติบโต 3.1% แต่ราคาหุ้นขึ้นมาสูงแล้ว ค่า P/E ตลาดประมาณ 18 เท่า การลงทุนต้องเลือกเป็นรายกลุ่มรายตัว โดย S&P 500 มี Upside ประมาณ 3-4%

ทิสโก้แนะนำกองทุนที่ลงทุนในสหรัฐฯที่มีผลประกอบการที่ดีคือกองทุนเปิดทหารไทย US Blue Chip Equity (TMBUSBLUECHIP) และกองทุนที่ลงทุนหุ้น AI ทั่วโลก คือ กองทุนเปิดเคแทมเวิลด์เทคโนโลยีอาร์ทิฟิเชียลอินเทลลิเจนซ์อิควิตี้ฟันด์ (KT-WTAI-A) ทิสโก

สำหรับผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯกับจีน คาดว่าจะส่งผลกระทบในปีหน้า โดยจะกระทบต่อ GDP ของสหรัฐฯ 0.5% และจีน 0.3% ซึ่งถึงว่าไม่ได้ส่งผลมากนัก

เม็ดเงินสภาพคล่องจากการทำ QE มีทิศทางที่ลดลง ยกเว้นประเทศญี่ปุ่นที่ยังอัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ ทิสโก้มองว่าญี่ปุ่นเป็นตลาดที่น่าสนใจลงทุน ยังมี Upside ราวๆ 15% ขณะที่ตลาดหุ้นไทยมี Upside ประมาณ 6-7% (ค่า P/E 15 เท่า)โดยญี่ปุ่นมีประเด็นบวกสนับสนุนคือการเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกปี 2020 ทิสโก้แนะนำกองทุนเปิดยูโอบีสมาร์ทเจแปนสมอลแอนด์มิดแคปฟันด์ (UOBSJSM)

สำหรับจีนค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงจาก 6.3 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ มาที่ 6.8 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ตลาดหุ้นจีนลดลงมามากถึง 20%จากจุดสูงสุดจนน่าสนใจลงทุน มีค่า P/E เหลือ 10.5 เท่า ทิสโก้แนะนำกองทุนเปิดกรุงศรีไชน่าเอแชร์อิควิตี้ชนิดสะสมมูลค่า (KFACHINA-A)

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด ระบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2562 มีแนวโน้มเติบโตน้อยลง โดยคาดว่าจะเติบโต 4.2% หลังจากภาคการส่งออกมีฐานที่สูงขึ้น และเศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัวลง ทำให้แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเริ่มอิ่มตัว แต่ยังมีสัญญาณที่ดีจากการลงทุนภาคเอกชนที่คาดว่าจะเป็นแรงหนุนในปีหน้า ส่งผลให้ในปีหน้าสินค้าคงทน เช่น รถยนต์ และที่อยู่อาศัย จะมีทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้มองว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะเติบโตได้ในภายใต้เงินเฟ้อที่ตํ่า และหากภาพรวมออกมาเป็นบวก จะสนับสนุนให้ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นได้

คาดว่าก่อนที่จะมีการเลือกตั้งรัฐบาลจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม และจะเห็นผลในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-ต้นเดือนมีนาคม รวมถึงเร่งรัดโครงการเมกะโปรเจ็กต์ให้เกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 20 โครงการ โดยจะทำให้เกิดการลงทุนในประเทศ และมีเงินไหลเข้าสู่ระบบ อีกทั้งจูงใจให้ภาคเอกชนเกิดการลงทุนตาม หลังจากปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณดีที่ภาคธุรกิจมีการสั่งซื้อเครื่องจักร และนำเข้าวัตถุดิบเพื่อรองรับการผลิตเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมียอดขายรถบรรทุกเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2561

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,411 วันที่ 21-24 ตุลาคม 2561 595959859