‘จีอ็อกซ์’รีเทิร์นตลาดเมืองไทย

20 ต.ค. 2561 | 10:26 น.
กลุ่มแปซิฟิกา รุกหนักลักชัวรีแบรนด์เมืองไทย ประเดิมรีลอนช์ “จีอ็อกซ์” สู่ภาพลักษณ์เทรนดี้ พร้อมทุ่มงบลงทุนเพิ่ม 30% ขยายสาขา จับมือพันธมิตรทำตลาดออนไลน์ ออฟไลน์ นำเข้าแบรนด์ใหม่ครบสูตร

นายโอภาส เลวิจันทร์ ประธานกรรมการบริษัท กลุ่มบริษัท แปซิฟิกา ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์โค้ช (Coach), เคนเนท โคล (Kenneth Cole),เคดส์ (Keds®) ,ฟูร์ล่า (Furla) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปีหน้า บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดใน 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ โค้ช, อเมริกัน อีเกิ้ล เอ้าท์ฟิตเตอร์,นิกซ์ คอสเมติก และเคดส์ เนื่องจากถือเป็นกลุ่มแบรนด์ที่สามารถสร้างรายได้หลักมากกว่า 50% ให้แก่บริษัท ขณะที่ยุทธศาสตร์การทำตลาดเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก โดยเน้นคอนซูเมอร์อินไซด์เป็นสิ่งสำคัญ เช่นแบรนด์ที่ค่อนข้างเป็นแมสอย่าง สเปอร์รี่ (Sperry) จะเน้นขยายสาขาทั่วประเทศ ขณะที่แบรนด์อย่าง ฟูร์ล่า, จีอ็อกซ์, โค้ช จะขยายในตลาดไฮเอนด์ เป็นต้น

5

   โอภาส เลวิจันทร์

“การตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัท คือ เรื่องของการประชาสัมพันธ์ที่ทั่วถึง ผ่านสื่อ เซเลบริตี และอินฟลูเอนเซอร์ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีความเข้าใจลูกค้าผ่านการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคก่อนที่จะมีการลอนช์สินค้าใหม่หรือแบรนด์ใหม่ในแต่ละครั้งควบคู่กับการใช้ดิจิตอลเข้ามาใช้ในการสื่อสารแบรนด์ ขณะที่เทรนด์ MIX&MATCH คือสิ่งสำคัญที่ลูกค้าต้องการและมาแรงในปัจจุบัน”

โดยบริษัทได้รีลอนช์แบรนด์รองเท้าจีอ็อกซ์ กลับมาทำตลาดในเมืองไทยอีกครั้งหลังจากที่ได้รับสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนจำหน่าย โดยบริษัทปรับภาพลักษณ์ใหม่ เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ที่มีความเป็นเทรนดี้มากขึ้น พร้อมขยายสาขาใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เกษรวิลเลจ และพัทยาในไตรมาส 4 ปีนี้

3

นอกจากนี้ในพอร์ตของบริษัทยังมีกลุ่มแบรนด์หลักที่จะเน้นทำตลาดอยู่แล้ว ได้แก่ นิกซ์คอสเมติก, โค้ช, อเมริกัน อีเกิ้ล เอ้าท์ฟิตเตอร์, ฟูร์ล่า, จีอ็อกซ์ พร้อม กันนี้ยังมีแผนขยายสาขาแบรนด์ในเครือในปีหน้าต่อเนื่อง โดยใช้งบประมาณการลงทุนในปีหน้าเพิ่มขึ้น 30% จากปีนี้ที่ใช้งบลงทุนไปราว 250-300 ล้านบาท ซึ่งจะมีทั้งการขยายสาขา การจับมือกับ พันธมิตร เป็นต้น ควบคู่กับการนำเข้าแบรนด์ใหม่ในกลุ่มสินค้าแฟชั่นจากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดเพิ่มอีก 2-3 แบรนด์ ซึ่งเบื้องต้นอยู่ระหว่างการเจรจาในการนำเข้า พร้อมกับพัฒนาแบรนด์ของตัวเองเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่มี FIIT แบรนด์เครื่องสำอางทำตลาดอยู่

2

ทั้งนี้บริษัทได้จัดตั้งทีมออนไลน์หรืออี-คอมเมิร์ซขึ้นมาอย่างเป็นทางการเพื่อการนำร่องในการรุกตลาดในช่องทางดังกล่าว ซึ่งแนวทางนับจากนี้บริษัทมีแผนพัฒนาช่องทางอี-คอมเมิร์ชของบริษัทผ่านไลน์แอกเคาต์อย่างต่อเนื่อง ช่องทางดังกล่าวมีอัตราการเติบโตที่ดีมากกว่ามาร์เก็ตเพลสอื่นๆ โดยในส่วนของบริษัทพบว่ายอดขายที่มาจากไลน์แอกเคาต์เติบโตสูงถึง 30-40% ต่อปี ด้านแผนการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศบริษัทจะเน้นนำแบรนด์ที่ ของตัวเองเข้าไปทำตลาดก่อน โดยปัจจุบันบริษัทมีแบรนด์แฟชั่น T•Christopher ที่ทำตลาดในช่องทางออนไลน์ในนิวยอร์ก สหรัฐ อเมริกา ก่อนจะขยายและพัฒนาแบรนด์ใหม่ๆไปในแต่ละประเทศเพิ่มเติม

1

อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายในการเติบโตภายในสิ้นปี 2562 ภายหลังมีการขายตลาดเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา กอปรกับการนำเข้าแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย คาดการณ์ ว่าจะสามารถสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ขึ้นไป โดยปัจจุบันบริษัทแบรนด์ในเครือที่มีทั้งสิ้น 19 แบรนด์ ในกลุ่มแฟชั่น เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า และสกินแคร์ ที่เจาะตลาดในทุกระดับสามารถเข้าถึงทุกคนได้ ตั้งแต่ลูกค้าในกลุ่มตลาดระดับกลางไปจนถึงตลาดไฮเอนด์ โดยโค้ช,อเมริกัน อีเกิ้ล เอ้าท์ฟิตเตอร์,นิกซ์ คอสเมติก และเคดส์ ถือเป็นกลุ่มแบรนด์ที่สามารถสร้างรายได้หลักมากกว่า 50%

อนึ่งกลุ่มบริษัท แปซิฟิกาฯ ถือเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์สินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ชั้นนำระดับโลก ประกอบด้วยบริษัทในเครือ บริษัท แปซิฟิกา เอเลเมนท์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น อาทิเช่น โค้ช, แคมเปอร์, เคนเนท โคล, ค็อกชิเนลเล่, เคดส์, สเปอร์รี่, ไอคอน และโปร-เคดส์, บริษัท จีโอ รีเทลฯ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์อเมริกัน อีเกิล และแบรนด์รองเท้าจีอ็อกซ์, บริษัท แปซิฟิกา ไลฟ์สไตล์ฯ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องสำอางนิกซ์ และเจอร์ลีค,บริษัท แปซิฟิกา แม็กซ์ฯ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นชั้นนำจากประเทศอิตาลีทั้งแบรนด์ในเครือ แม็กซ์ มาร่า, แบรนด์กระเป๋าฟูร์ล่า และแบรนด์เอทโทร

หน้า 36 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,411 ระหว่างวันที่ 21-24 ตุลาคม 2561

595959859