ป้อมพระจุลจอมเกล้าเมืองหน้าด่านชายทะเล
ห้องเรียนทางประวัติศาสตร์ จุดเชื่อมโยงการสร้างกิจกรรมเพื่อสังคม
หนึ่งเหตุการณ์สำหรับการทำยุทธนาวีเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย ครั้งเหตุ รศ.112 ถือเป็นหนึ่งความทรงจำที่ตอกยํ้าถึงความสำคัญของป้อมปราการนามว่า “ป้อมพระจุลจอมเกล้า” ได้เป็นอย่างดี
ป้อมพระจุลจอมเกล้า ถือเป็นปราการทางนํ้า ตั้งอยู่บริเวณตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ยังไม่พบหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นในปีใด แต่คาดการณ์กันว่าสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยชัยภูมิที่เหมาะสมบริเวณปากนํ้าทำให้ปราการทันสมัยที่สุดในขณะนั้น มีการติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์อย่าง ปืนใหญ่อาร์มสตรองหรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “ปืนเสือหมอบ” ขนาด 152/32 มม. จำนวน 7 กระบอก เพื่อป้องกันการรุกรานจากชาติตะวันตกที่ในห้วงเวลาที่การล่าอาณานิคมกำลังเบ่งบานถึงขีดสุดและปราการแห่งนี้ได้ประกาศแสนยานุภาพในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อย่าง รศ.112 ถือได้ว่าเป็นป้อมปราการของสยามที่ทันสมัยที่สุดในเวลานั้น
ปัจจุบัน “ป้อมพระจุลจอมเกล้า” ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นบรมราชานุสรณ์รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและคุณูปการอันใหญ่หลวงของรัชกาลที่ 5 นานาประการที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยและประเทศไทย มีความสง่างามอย่างยิ่งด้วยฉลองพระองค์ในชุดกองทัพเรือ พระหัตถ์ทรงถือกระบี่ แวดล้อมไปด้วยภูมิทัศน์ที่ร่มรื่น พร้อมกันนี้ภายในป้อมพระจุลจอมเกล้า มีการจัดสร้าง “อุทยานฯ ประวัติศาสตร์ทหารเรือ” ภายในประกอบด้วยอาคารนิทรรศการจัดแสดงภาพการพัฒนาของกองทัพเรือ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์อาวุธยุทโธปกรณ์ที่แสดงถึงวิวัฒนาการกองทัพเรือในการป้องกันประเทศและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมทั้งจัดทำพิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลองเป็นเรือรบประจำการที่มีอายุการใช้งานนานที่สุด ในกองทัพเรือกว่า 59 ปีและเป็นเรือรบที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับ2 ของโลก ผ่านการใช้งานด้านการรบในสงครามเอเชียบูรพา โดยได้ปลดประจำการและปรับปรุงเป็น “พิพิธภัณฑ์เรือรบไทย”
อย่างไรก็ดีนอกจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญของจังหวัดสมุทรปราการป้อมพระจุลจอมเกล้ายังเหมาะแก่การจัดงานต่างๆ โดยเฉพาะกิจกรรมเดิน - วิ่ง เนื่องด้วยภูมิทัศน์ดังกล่าวมีความสวยงาม ร่มรื่น และเงียบสงบ เหมาะแก่การออกกำลังกายในทุกช่วงเวลาอย่างแท้จริง ประกอบกับการวิ่งนอกจากเสริมสร้างสุขภาพที่แข็งแรง สร้างชุมชนให้เกิดความสามัคคี ยังต่อฐานและเติมยอดให้สังคมมีพลัง รอยยิ้ม และเติมเต็มช่องว่างต่างๆที่ยังเป็นปัญหาด้วยมิตรสัมพันธ์
และเมื่อการวิ่งคือการเชื่อมโยงมวลชนหรือประชาชนที่มีจิตใจรักสุขภาพให้มารวมตัวกัน ด้วยความสำคัญดังกล่าวทางจังหวัดสมุทรปราการหนึ่งจังหวัดที่มีความสำคัญของประเทศในอดีตหรือนับเป็นเมืองหน้าด่านชายทะเล ได้ร่วมมือกับซีพีเอฟ จัดเดิน-วิ่งมินิมาราธอนเพื่อสุขภาพและการกุศลภายใต้ชื่อ CPF&KPI Charity RUN 2018 : วิ่งถิ่นรามัญ ป้อมปราการสูงสง่า กราบเสด็จหลวง ร.5 พาชมเรือหลวงไทย ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า
คุณชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการ จังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะประธานในพิธี กล่าวว่า จังหวัดสมุทรปราการมองว่าทุกวันนี้ กระแสความนิยมของการวิ่งออกกำลังกายมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และงาน CPF&KPI Charity RUN 2018 ที่จัดขึ้นในวันนี้ นับเป็นกิจกรรมที่ดีช่วยให้ชาวพระสมุทรเจดีย์ และพื้นที่ใกล้เคียงนำครอบครัวมาร่วมกันเดิน-วิ่งออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี และได้ร่วมทำบุญเพื่อพัฒนาชุมชนของพระสมุทรเจดีย์ให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น
ด้านคุณวิโรจน์ คัมภีระ ประธานชมรม ซีพีเอฟรันนิ่งคลับ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ) กล่าวว่าทางซีพีเอฟส่งเสริมให้พนักงานและครอบครัวของบริษัทให้ออกกำลังกายอย่างสมํ่าเสมอจึงได้จัดตั้งชมรมซีพีเอฟรันนิ่งคลับขึ้น โดยในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมมือกับจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งตนรู้สึกดีใจเห็นนักวิ่งใจบุญร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่งกว่า 2,000 คน เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมครั้งนี้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ทั้งการมีส่วนร่วมกระตุ้นคนไทยรักสุขภาพ และตอบแทนคุณสังคมและชุมชน โดยชมรมฯ จะนำรายได้จากการจัดกิจกรรมหลังหักค่าใช้จ่ายมอบสมทบทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ แก่โรงพยาบาลบางจาก และโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์ แห่งละ 250,000 บาท พร้อมสมทบทุนการศึกษา 100,000 บาท ให้กับนักเรียนผู้เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ของโรงเรียนป้อมพระจุลจอมเกล้า รวมเป็นมูลค่า 600,000 บาท
สำหรับชมรมซีพีเอฟรันนิ่งคลับจัดกิจกรรมเดินวิ่งการกุศล CPF Run For Charity 2018 เดือนละครั้งทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเริ่มแรกเพื่อส่งเสริมให้พนักงานของบริษัทมีสุขภาพแข็งแรง ลดอัตราการเจ็บป่วย และเพื่อตอบแทนคุณชุมชนที่บริษัทดำเนินการอยู่ สำหรับในปี 2561 นี้ ซีพีเอฟจัดมา 8 ครั้งแล้ว ได้รับการมีส่วนร่วมจากชุมชนมากขึ้นกว่า 80% ของผู้ที่มาวิ่งกว่า 20,000 คน เป็นประชาชนทั่วไป และสามารถรวบรวมเงินมอบให้กับหน่วยงานและการพัฒนาสังคมในชุมชนต่างๆ รวมแล้วเกือบ 3 ล้านบาท
หยดเหงื่อ รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะแห่งความสุขตลอดเส้นทาง 5 และ 10 กม.ในครั้งนี้ นอกจากส่งต่อการให้ที่ทุกคนพร้อมใจสนับสนุน ยังสร้างโอกาสให้กับวงการแพทย์และภาคการศึกษาของจังหวัดให้สามารถเติบโตและนำปัจจัยที่ได้ไปต่อยอดในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคนต่อไปอย่างยั่งยืน
ป้อมพระจุลจอมเกล้า ถือเป็นหนึ่งห้องเรียนทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การเรียนรู้สำหรับประชาชนชาวไทย
ทุกคน เพราะนอกจากปกป้องอธิปไตยของชาติในอดีต ปัจจุบันยังตกผลึกสู่การเรียนรู้ให้กับอนุชนรุ่นหลังเกิดความภาคภูมิใจในฐานะเมืองหน้าด่านชายทะเล ที่สำคัญเป็นจุดเชื่อมโยงให้ประชาชนทุกคนได้มารวมตัว สร้างสังคม รวมทั้งออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสุขภาพกายและใจให้แข็งแรง และนี่คือหนึ่งจุดหมายปลายทางที่เป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป นึ่งเหตุการณ์สำหรับการทำยุทธนาวีเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย ครั้งเหตุ รศ.112 ถือเป็นหนึ่งความทรงจำที่ตอกยํ้าถึงความสำคัญของป้อมปราการนามว่า “ป้อมพระจุลจอมเกล้า” ได้เป็นอย่างดี
ป้อมพระจุลจอมเกล้า ถือเป็นปราการทางนํ้า ตั้งอยู่บริเวณตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ยังไม่พบหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นในปีใด แต่คาดการณ์กันว่าสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยชัยภูมิที่เหมาะสมบริเวณปากนํ้าทำให้ปราการทันสมัยที่สุดในขณะนั้น มีการติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์อย่าง ปืนใหญ่อาร์มสตรองหรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “ปืนเสือหมอบ” ขนาด 152/32 มม. จำนวน 7 กระบอก เพื่อป้องกันการรุกรานจากชาติตะวันตกที่ในห้วงเวลาที่การล่าอาณานิคมกำลังเบ่งบานถึงขีดสุดและปราการแห่งนี้ได้ประกาศแสนยานุภาพในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อย่าง รศ.112 ถือได้ว่าเป็นป้อมปราการของสยามที่ทันสมัยที่สุดในเวลานั้น
ปัจจุบัน “ป้อมพระจุลจอมเกล้า” ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นบรมราชานุสรณ์รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและคุณูปการอันใหญ่หลวงของรัชกาลที่ 5 นานาประการที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยและประเทศไทย มีความสง่างามอย่างยิ่งด้วยฉลองพระองค์ในชุดกองทัพเรือ พระหัตถ์ทรงถือกระบี่ แวดล้อมไปด้วยภูมิทัศน์ที่ร่มรื่น พร้อมกันนี้ภายในป้อมพระจุลจอมเกล้า มีการจัดสร้าง “อุทยานฯ ประวัติศาสตร์ทหารเรือ” ภายในประกอบด้วยอาคารนิทรรศการจัดแสดงภาพการพัฒนาของกองทัพเรือ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์อาวุธยุทโธปกรณ์ที่แสดงถึงวิวัฒนาการกองทัพเรือในการป้องกันประเทศและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมทั้งจัดทำพิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลองเป็นเรือรบประจำการที่มีอายุการใช้งานนานที่สุดในกองทัพเรือกว่า 59 ปีและเป็นเรือรบที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับ2 ของโลก ผ่านการใช้งานด้านการรบในสงครามเอเชียบูรพา โดยได้ปลดประจำการและปรับปรุงเป็น “พิพิธภัณฑ์เรือรบไทย”
อย่างไรก็ดีนอกจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญของจังหวัดสมุทรปราการป้อมพระจุลจอมเกล้ายังเหมาะแก่การจัดงานต่างๆ โดยเฉพาะกิจกรรมเดิน - วิ่ง เนื่องด้วยภูมิทัศน์ดังกล่าวมีความสวยงาม ร่มรื่น และเงียบสงบ เหมาะแก่การออกกำลังกายในทุกช่วงเวลาอย่างแท้จริง ประกอบกับการวิ่งนอกจากเสริมสร้างสุขภาพที่แข็งแรง สร้างชุมชนให้เกิดความสามัคคี ยังต่อฐานและเติมยอดให้สังคมมีพลัง รอยยิ้ม และเติมเต็มช่องว่างต่างๆที่ยังเป็นปัญหาด้วยมิตรสัมพันธ์
และเมื่อการวิ่งคือการเชื่อมโยงมวลชนหรือประชาชนที่มีจิตใจรักสุขภาพให้มารวมตัวกัน ด้วยความสำคัญดังกล่าวทางจังหวัดสมุทรปราการหนึ่งจังหวัดที่มีความสำคัญของประเทศในอดีตหรือนับเป็นเมืองหน้าด่านชายทะเล ได้ร่วมมือกับซีพีเอฟ จัดเดิน-วิ่งมินิมาราธอนเพื่อสุขภาพและการกุศลภายใต้ชื่อ CPF&KPI Charity RUN 2018 : วิ่งถิ่นรามัญ ป้อมปราการสูงสง่า กราบเสด็จหลวง ร.5 พาชมเรือหลวงไทย ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า
คุณชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการ จังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะประธานในพิธี กล่าวว่า จังหวัดสมุทรปราการมองว่าทุกวันนี้ กระแสความนิยมของการวิ่งออกกำลังกายมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และงาน CPF&KPI Charity RUN 2018 ที่จัดขึ้นในวันนี้ นับเป็นกิจกรรมที่ดีช่วยให้ชาวพระสมุทรเจดีย์ และพื้นที่ใกล้เคียงนำครอบครัวมาร่วมกันเดิน-วิ่งออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี และได้ร่วมทำบุญเพื่อพัฒนาชุมชนของพระสมุทรเจดีย์ให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น
ด้านคุณวิโรจน์ คัมภีระ ประธานชมรม ซีพีเอฟรันนิ่งคลับ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ) กล่าวว่าทางซีพีเอฟส่งเสริมให้พนักงานและครอบครัวของบริษัทให้ออกกำลังกายอย่างสมํ่าเสมอจึงได้จัดตั้งชมรมซีพีเอฟรันนิ่งคลับขึ้น โดยในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมมือกับจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งตนรู้สึกดีใจเห็นนักวิ่งใจบุญร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่งกว่า 2,000 คน เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมครั้งนี้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ทั้งการมีส่วนร่วมกระตุ้นคนไทยรักสุขภาพ และตอบแทนคุณสังคมและชุมชน โดยชมรมฯ จะนำรายได้จากการจัดกิจกรรมหลังหักค่าใช้จ่ายมอบสมทบทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ แก่โรงพยาบาลบางจาก และโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์ แห่งละ 250,000 บาท พร้อมสมทบทุนการศึกษา 100,000 บาท ให้กับนักเรียน
ผู้เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ของโรงเรียนป้อมพระจุลจอมเกล้า รวมเป็นมูลค่า 600,000 บาท
สำหรับชมรมซีพีเอฟรันนิ่งคลับจัดกิจกรรมเดินวิ่งการกุศล CPF Run For Charity 2018 เดือนละครั้งทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเริ่มแรกเพื่อส่งเสริมให้พนักงานของบริษัทมีสุขภาพแข็งแรง ลดอัตราการเจ็บป่วย และเพื่อตอบแทนคุณชุมชนที่บริษัทดำเนินการอยู่ สำหรับในปี 2561 นี้ ซีพีเอฟจัดมา 8 ครั้งแล้ว ได้รับการมีส่วนร่วมจากชุมชนมากขึ้นกว่า 80% ของผู้ที่มาวิ่งกว่า 20,000 คน เป็นประชาชนทั่วไป และสามารถรวบรวมเงินมอบให้กับหน่วยงานและการพัฒนาสังคมในชุมชนต่างๆ รวมแล้วเกือบ 3 ล้านบาท
หยดเหงื่อ รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะแห่งความสุขตลอดเส้นทาง 5 และ 10 กม.ในครั้งนี้ นอกจากส่งต่อการให้ที่ทุกคนพร้อมใจสนับสนุน ยังสร้างโอกาสให้กับวงการแพทย์และภาคการศึกษาของจังหวัดให้สามารถเติบโตและนำปัจจัยที่ได้ไปต่อยอดในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคนต่อไปอย่างยั่งยืน
ป้อมพระจุลจอมเกล้า ถือเป็นหนึ่งห้องเรียนทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การเรียนรู้สำหรับประชาชนชาวไทยทุกคน เพราะนอกจากปกป้องอธิปไตยของชาติในอดีต ปัจจุบันยังตกผลึกสู่การเรียนรู้ให้กับอนุชนรุ่นหลังเกิดความภาคภูมิใจในฐานะเมืองหน้าด่านชายทะเล ที่สำคัญเป็นจุดเชื่อมโยงให้ประชาชนทุกคนได้มารวมตัว สร้างสังคม รวมทั้งออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสุขภาพกายและใจให้แข็งแรง และนี่คือหนึ่งจุดหมายปลายทางที่เป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป
หน้า 26-27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจxumuj38 ฉบับที่ 3,410 วันที่ 18 - 20 ตุลาคม พ.ศ. 2561
หนึ่งเหตุการณ์สำหรับการทำยุทธนาวีเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย ครั้งเหตุ รศ.112 ถือเป็นหนึ่งความทรงจำที่ตอกยํ้าถึงความสำคัญของป้อมปราการนามว่า “ป้อมพระจุลจอมเกล้า” ได้เป็นอย่างดี
ป้อมพระจุลจอมเกล้า ถือเป็นปราการทางนํ้า ตั้งอยู่บริเวณตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ยังไม่พบหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นในปีใด แต่คาดการณ์กันว่าสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยชัยภูมิที่เหมาะสมบริเวณปากนํ้าทำให้ปราการทันสมัยที่สุดในขณะนั้น มีการติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์อย่าง ปืนใหญ่อาร์มสตรองหรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “ปืนเสือหมอบ” ขนาด 152/32 มม. จำนวน 7 กระบอก เพื่อป้องกันการรุกรานจากชาติตะวันตกที่ในห้วงเวลาที่การล่าอาณานิคมกำลังเบ่งบานถึงขีดสุดและปราการแห่งนี้ได้ประกาศแสนยานุภาพในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อย่าง รศ.112 ถือได้ว่าเป็นป้อมปราการของสยามที่ทันสมัยที่สุดในเวลานั้น
ปัจจุบัน “ป้อมพระจุลจอมเกล้า” ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นบรมราชานุสรณ์รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและคุณูปการอันใหญ่หลวงของรัชกาลที่ 5 นานาประการที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยและประเทศไทย มีความสง่างามอย่างยิ่งด้วยฉลองพระองค์ในชุดกองทัพเรือ พระหัตถ์ทรงถือกระบี่ แวดล้อมไปด้วยภูมิทัศน์ที่ร่มรื่น พร้อมกันนี้ภายในป้อมพระจุลจอมเกล้า มีการจัดสร้าง “อุทยานฯ ประวัติศาสตร์ทหารเรือ” ภายในประกอบด้วยอาคารนิทรรศการจัดแสดงภาพการพัฒนาของกองทัพเรือ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์อาวุธยุทโธปกรณ์ที่แสดงถึงวิวัฒนาการกองทัพเรือในการป้องกันประเทศและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมทั้งจัดทำพิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลองเป็นเรือรบประจำการที่มีอายุการใช้งานนานที่สุด ในกองทัพเรือกว่า 59 ปีและเป็นเรือรบที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับ2 ของโลก ผ่านการใช้งานด้านการรบในสงครามเอเชียบูรพา โดยได้ปลดประจำการและปรับปรุงเป็น “พิพิธภัณฑ์เรือรบไทย”
อย่างไรก็ดีนอกจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญของจังหวัดสมุทรปราการป้อมพระจุลจอมเกล้ายังเหมาะแก่การจัดงานต่างๆ โดยเฉพาะกิจกรรมเดิน - วิ่ง เนื่องด้วยภูมิทัศน์ดังกล่าวมีความสวยงาม ร่มรื่น และเงียบสงบ เหมาะแก่การออกกำลังกายในทุกช่วงเวลาอย่างแท้จริง ประกอบกับการวิ่งนอกจากเสริมสร้างสุขภาพที่แข็งแรง สร้างชุมชนให้เกิดความสามัคคี ยังต่อฐานและเติมยอดให้สังคมมีพลัง รอยยิ้ม และเติมเต็มช่องว่างต่างๆที่ยังเป็นปัญหาด้วยมิตรสัมพันธ์
และเมื่อการวิ่งคือการเชื่อมโยงมวลชนหรือประชาชนที่มีจิตใจรักสุขภาพให้มารวมตัวกัน ด้วยความสำคัญดังกล่าวทางจังหวัดสมุทรปราการหนึ่งจังหวัดที่มีความสำคัญของประเทศในอดีตหรือนับเป็นเมืองหน้าด่านชายทะเล ได้ร่วมมือกับซีพีเอฟ จัดเดิน-วิ่งมินิมาราธอนเพื่อสุขภาพและการกุศลภายใต้ชื่อ CPF&KPI Charity RUN 2018 : วิ่งถิ่นรามัญ ป้อมปราการสูงสง่า กราบเสด็จหลวง ร.5 พาชมเรือหลวงไทย ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า
คุณชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการ จังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะประธานในพิธี กล่าวว่า จังหวัดสมุทรปราการมองว่าทุกวันนี้ กระแสความนิยมของการวิ่งออกกำลังกายมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และงาน CPF&KPI Charity RUN 2018 ที่จัดขึ้นในวันนี้ นับเป็นกิจกรรมที่ดีช่วยให้ชาวพระสมุทรเจดีย์ และพื้นที่ใกล้เคียงนำครอบครัวมาร่วมกันเดิน-วิ่งออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี และได้ร่วมทำบุญเพื่อพัฒนาชุมชนของพระสมุทรเจดีย์ให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น
ด้านคุณวิโรจน์ คัมภีระ ประธานชมรม ซีพีเอฟรันนิ่งคลับ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ) กล่าวว่าทางซีพีเอฟส่งเสริมให้พนักงานและครอบครัวของบริษัทให้ออกกำลังกายอย่างสมํ่าเสมอจึงได้จัดตั้งชมรมซีพีเอฟรันนิ่งคลับขึ้น โดยในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมมือกับจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งตนรู้สึกดีใจเห็นนักวิ่งใจบุญร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่งกว่า 2,000 คน เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมครั้งนี้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ทั้งการมีส่วนร่วมกระตุ้นคนไทยรักสุขภาพ และตอบแทนคุณสังคมและชุมชน โดยชมรมฯ จะนำรายได้จากการจัดกิจกรรมหลังหักค่าใช้จ่ายมอบสมทบทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ แก่โรงพยาบาลบางจาก และโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์ แห่งละ 250,000 บาท พร้อมสมทบทุนการศึกษา 100,000 บาท ให้กับนักเรียนผู้เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ของโรงเรียนป้อมพระจุลจอมเกล้า รวมเป็นมูลค่า 600,000 บาท
หยดเหงื่อ รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะแห่งความสุขตลอดเส้นทาง 5 และ 10 กม.ในครั้งนี้ นอกจากส่งต่อการให้ที่ทุกคนพร้อมใจสนับสนุน ยังสร้างโอกาสให้กับวงการแพทย์และภาคการศึกษาของจังหวัดให้สามารถเติบโตและนำปัจจัยที่ได้ไปต่อยอดในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคนต่อไปอย่างยั่งยืน
ป้อมพระจุลจอมเกล้า ถือเป็นหนึ่งห้องเรียนทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การเรียนรู้สำหรับประชาชนชาวไทย
ทุกคน เพราะนอกจากปกป้องอธิปไตยของชาติในอดีต ปัจจุบันยังตกผลึกสู่การเรียนรู้ให้กับอนุชนรุ่นหลังเกิดความภาคภูมิใจในฐานะเมืองหน้าด่านชายทะเล ที่สำคัญเป็นจุดเชื่อมโยงให้ประชาชนทุกคนได้มารวมตัว สร้างสังคม รวมทั้งออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสุขภาพกายและใจให้แข็งแรง และนี่คือหนึ่งจุดหมายปลายทางที่เป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป นึ่งเหตุการณ์สำหรับการทำยุทธนาวีเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย ครั้งเหตุ รศ.112 ถือเป็นหนึ่งความทรงจำที่ตอกยํ้าถึงความสำคัญของป้อมปราการนามว่า “ป้อมพระจุลจอมเกล้า” ได้เป็นอย่างดี
ป้อมพระจุลจอมเกล้า ถือเป็นปราการทางนํ้า ตั้งอยู่บริเวณตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ยังไม่พบหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นในปีใด แต่คาดการณ์กันว่าสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยชัยภูมิที่เหมาะสมบริเวณปากนํ้าทำให้ปราการทันสมัยที่สุดในขณะนั้น มีการติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์อย่าง ปืนใหญ่อาร์มสตรองหรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “ปืนเสือหมอบ” ขนาด 152/32 มม. จำนวน 7 กระบอก เพื่อป้องกันการรุกรานจากชาติตะวันตกที่ในห้วงเวลาที่การล่าอาณานิคมกำลังเบ่งบานถึงขีดสุดและปราการแห่งนี้ได้ประกาศแสนยานุภาพในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อย่าง รศ.112 ถือได้ว่าเป็นป้อมปราการของสยามที่ทันสมัยที่สุดในเวลานั้น
ปัจจุบัน “ป้อมพระจุลจอมเกล้า” ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นบรมราชานุสรณ์รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและคุณูปการอันใหญ่หลวงของรัชกาลที่ 5 นานาประการที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยและประเทศไทย มีความสง่างามอย่างยิ่งด้วยฉลองพระองค์ในชุดกองทัพเรือ พระหัตถ์ทรงถือกระบี่ แวดล้อมไปด้วยภูมิทัศน์ที่ร่มรื่น พร้อมกันนี้ภายในป้อมพระจุลจอมเกล้า มีการจัดสร้าง “อุทยานฯ ประวัติศาสตร์ทหารเรือ” ภายในประกอบด้วยอาคารนิทรรศการจัดแสดงภาพการพัฒนาของกองทัพเรือ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์อาวุธยุทโธปกรณ์ที่แสดงถึงวิวัฒนาการกองทัพเรือในการป้องกันประเทศและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมทั้งจัดทำพิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลองเป็นเรือรบประจำการที่มีอายุการใช้งานนานที่สุดในกองทัพเรือกว่า 59 ปีและเป็นเรือรบที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับ2 ของโลก ผ่านการใช้งานด้านการรบในสงครามเอเชียบูรพา โดยได้ปลดประจำการและปรับปรุงเป็น “พิพิธภัณฑ์เรือรบไทย”
อย่างไรก็ดีนอกจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญของจังหวัดสมุทรปราการป้อมพระจุลจอมเกล้ายังเหมาะแก่การจัดงานต่างๆ โดยเฉพาะกิจกรรมเดิน - วิ่ง เนื่องด้วยภูมิทัศน์ดังกล่าวมีความสวยงาม ร่มรื่น และเงียบสงบ เหมาะแก่การออกกำลังกายในทุกช่วงเวลาอย่างแท้จริง ประกอบกับการวิ่งนอกจากเสริมสร้างสุขภาพที่แข็งแรง สร้างชุมชนให้เกิดความสามัคคี ยังต่อฐานและเติมยอดให้สังคมมีพลัง รอยยิ้ม และเติมเต็มช่องว่างต่างๆที่ยังเป็นปัญหาด้วยมิตรสัมพันธ์
และเมื่อการวิ่งคือการเชื่อมโยงมวลชนหรือประชาชนที่มีจิตใจรักสุขภาพให้มารวมตัวกัน ด้วยความสำคัญดังกล่าวทางจังหวัดสมุทรปราการหนึ่งจังหวัดที่มีความสำคัญของประเทศในอดีตหรือนับเป็นเมืองหน้าด่านชายทะเล ได้ร่วมมือกับซีพีเอฟ จัดเดิน-วิ่งมินิมาราธอนเพื่อสุขภาพและการกุศลภายใต้ชื่อ CPF&KPI Charity RUN 2018 : วิ่งถิ่นรามัญ ป้อมปราการสูงสง่า กราบเสด็จหลวง ร.5 พาชมเรือหลวงไทย ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า
คุณชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการ จังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะประธานในพิธี กล่าวว่า จังหวัดสมุทรปราการมองว่าทุกวันนี้ กระแสความนิยมของการวิ่งออกกำลังกายมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และงาน CPF&KPI Charity RUN 2018 ที่จัดขึ้นในวันนี้ นับเป็นกิจกรรมที่ดีช่วยให้ชาวพระสมุทรเจดีย์ และพื้นที่ใกล้เคียงนำครอบครัวมาร่วมกันเดิน-วิ่งออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี และได้ร่วมทำบุญเพื่อพัฒนาชุมชนของพระสมุทรเจดีย์ให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น
ด้านคุณวิโรจน์ คัมภีระ ประธานชมรม ซีพีเอฟรันนิ่งคลับ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ) กล่าวว่าทางซีพีเอฟส่งเสริมให้พนักงานและครอบครัวของบริษัทให้ออกกำลังกายอย่างสมํ่าเสมอจึงได้จัดตั้งชมรมซีพีเอฟรันนิ่งคลับขึ้น โดยในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมมือกับจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งตนรู้สึกดีใจเห็นนักวิ่งใจบุญร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่งกว่า 2,000 คน เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมครั้งนี้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ทั้งการมีส่วนร่วมกระตุ้นคนไทยรักสุขภาพ และตอบแทนคุณสังคมและชุมชน โดยชมรมฯ จะนำรายได้จากการจัดกิจกรรมหลังหักค่าใช้จ่ายมอบสมทบทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ แก่โรงพยาบาลบางจาก และโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์ แห่งละ 250,000 บาท พร้อมสมทบทุนการศึกษา 100,000 บาท ให้กับนักเรียน
ผู้เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ของโรงเรียนป้อมพระจุลจอมเกล้า รวมเป็นมูลค่า 600,000 บาท
สำหรับชมรมซีพีเอฟรันนิ่งคลับจัดกิจกรรมเดินวิ่งการกุศล CPF Run For Charity 2018 เดือนละครั้งทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเริ่มแรกเพื่อส่งเสริมให้พนักงานของบริษัทมีสุขภาพแข็งแรง ลดอัตราการเจ็บป่วย และเพื่อตอบแทนคุณชุมชนที่บริษัทดำเนินการอยู่ สำหรับในปี 2561 นี้ ซีพีเอฟจัดมา 8 ครั้งแล้ว ได้รับการมีส่วนร่วมจากชุมชนมากขึ้นกว่า 80% ของผู้ที่มาวิ่งกว่า 20,000 คน เป็นประชาชนทั่วไป และสามารถรวบรวมเงินมอบให้กับหน่วยงานและการพัฒนาสังคมในชุมชนต่างๆ รวมแล้วเกือบ 3 ล้านบาท
หยดเหงื่อ รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะแห่งความสุขตลอดเส้นทาง 5 และ 10 กม.ในครั้งนี้ นอกจากส่งต่อการให้ที่ทุกคนพร้อมใจสนับสนุน ยังสร้างโอกาสให้กับวงการแพทย์และภาคการศึกษาของจังหวัดให้สามารถเติบโตและนำปัจจัยที่ได้ไปต่อยอดในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคนต่อไปอย่างยั่งยืน
ป้อมพระจุลจอมเกล้า ถือเป็นหนึ่งห้องเรียนทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การเรียนรู้สำหรับประชาชนชาวไทยทุกคน เพราะนอกจากปกป้องอธิปไตยของชาติในอดีต ปัจจุบันยังตกผลึกสู่การเรียนรู้ให้กับอนุชนรุ่นหลังเกิดความภาคภูมิใจในฐานะเมืองหน้าด่านชายทะเล ที่สำคัญเป็นจุดเชื่อมโยงให้ประชาชนทุกคนได้มารวมตัว สร้างสังคม รวมทั้งออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสุขภาพกายและใจให้แข็งแรง และนี่คือหนึ่งจุดหมายปลายทางที่เป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป
หน้า 26-27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจxumuj38 ฉบับที่ 3,410 วันที่ 18 - 20 ตุลาคม พ.ศ. 2561
