"ผู้บริหารยุคใหม่" ต้องทำหน้าที่เป็น "โค้ช" พัฒนาบุคลากรให้เป็น Successor
ดร.สาธิต วิทยากร ประธานคณะกรรมการ บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด
กว่า 25 ปีในวงการธุรกิจ "สาธิต วิทยากร" ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งใน CEO ที่คนในวงการธุรกิจเฮลธ์แคร์ต้องรู้จัก ด้วยผลงานที่สร้างความเข้มแข็งและทำให้ บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด ผู้บริหารจัดการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) ก้าวขึ้นเป็นโรงพยาบาลชั้นนำ ด้วยมาตรฐานทั้งด้านการรักษา บริการ ด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตอบโจทย์ของธุรกิจเฮลธ์แคร์เมืองไทย ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
"สาธิต" เล่าถึงคีย์ซักเซสในการบริหารจัดการธุรกิจโรงพยาบาล ซึ่งมีความละเอียดอ่อนและต้องใส่ใจในทุก ๆ รายละเอียด ว่า ด้วยประสบการณ์ที่สนใจในธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ และมีประสบการณ์ด้านการบริหารงานโรงแรม ทำให้ได้เรียนรู้กระบวนการทำงานของโรงแรมมีมาตรฐานสูง ซึ่งธุรกิจโรงพยาบาลไม่มี ดังนั้น จึงมีแนวคิดในการสร้างมาตรฐาน การเทรนนิ่งบุคลากร โครงสร้างอาคาร ให้มีมาตรฐานเดียวกันกับโรงแรมในระดับสากล
"How to ของโรงแรมถูกนำมาปรับใช้กับโรงพยาบาล ตั้งแต่การสร้างอาคาร อัตลักษณ์แต่ละพื้นที่ การอบรมพนักงาน ระบบไอที รูปแบบการบริการ เช่น การรับคนไข้ แม้กระทั่งการเคาะประตูห้อง ก็ต้องมีรายละเอียดและความใส่ใจ"
อีกสิ่งที่โรงพยาบาลให้ความสำคัญ คือ เรื่องของ "เทคโนโลยี" ที่ถูกนำมาใช้ประยุกต์กับโรงพยาบาล เพราะวันนี้การสร้างเครือข่ายถือว่ามีความสำคัญ เพื่อเพิ่มศักยภาพของการแข่งขันและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การนำเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยมาใช้ในการรักษาและการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริการ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องจ่ายยาอัตโนมัติ การดูผล X-Ray ทางคอมพิวเตอร์ ฯลฯ
ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบการบริหารจัดการโรงพยาบาล หรือ HIS (Hospital Information System) เพื่อสร้างมาตรฐานการบริหารจัดการธุรกิจโรงพยาบาลในเครือข่ายให้เชื่อมโยงกัน (Network Hospital Management) สนับสนุนให้มีการแบ่งปันทรัพยากรและการทำงานร่วมกัน เช่น บริหารงานจัดซื้อ งานบริหารคลัง งานเทคโนโลยีสารสนเทศ งานยุทธศาสตร์ งานระบบบัญชี และล่าสุด เตรียมขึ้นระบบบริหารทรัพยากรบุคคลในรูปแบบใหม่ (ระบบ Workday) ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยให้สามารถเห็นภาพรวมของทรัพยากรบุคคลในเครือและสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
"โรงพยาบาลที่บริษัทเข้าไปร่วมทุนจะใช้ข้อมูลและแพลตฟอร์มเดียวกันทั้งหมด ตั้งแต่ระบบการต้อนรับคนไข้ ประวัติคนไข้ บัญชี การเงิน และข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกจัดเก็บอยู่บนระบบคลาวด์ ทำให้แพทย์สามารถแบ่งปันข้อมูลระหว่างแพทย์ในเครือด้วยกันได้ หรือ ฝ่ายจัดซื้อ สามารถบริหารจัดการง่ายขึ้น เช่น การยืมยา ปัจจุบัน โรงพยาบาลหนึ่งแห่งมีต้นทุนการสั่งซื้อยากว่า 30 ล้านบาท เมื่อมีข้อมูลระบบไอทีเข้ามา โรงพยาบาลสามารถยืมยาระหว่างโรงพยาบาลในเครือด้วยกันได้ ทำให้ลดปัญหายาหมดอายุ และลดต้นทุนได้ด้วย"
วันนี้มีการพัฒนาไปถึงการใช้แอพพลิเคชัน ที่สามารถเรียกหาแพทย์ได้ในเวลาฉุกเฉิน เพื่อปรึกษา หรือ ต้องแอดมิตเข้าโรงพยาบาล รวมถึงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีกับกลุ่มผู้สูงอายุ โดยทีวีจะสามารถเชื่อมต่อกับโรงพยาบาลได้ ซึ่งระบบดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562
ปัจจุบัน บริษัทบริการจัดการโรงพยาบาลในเครือ 5 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลปากนํ้าโพ 1, โรงพยาบาลปากนํ้าโพ 2 จ.นครสวรรค์, โรงพยาบาลพิษณุเวช จ.พิษณุโลก, โรงพยาบาลสหเวช จ.พิจิตร และโรงพยาบาลพริ้นซ์ ฮอสพิทอล สุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ และยังมีโรงพยาบาลพริ้นซ์ ฮอสพิทอล อุทัยธานี จ.อุทัยธานี และโรงพยาบาลพิษณุเวช จ.อุตรดิตถ์ ที่คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในไตรมาสแรกของปี 2562
"สาธิต" บอกว่า โมเดลธุรกิจที่บริษัทใช้เป็นมาตรฐานในการลงทุน รวมถึงบริหารจัดการ เริ่มต้นจากการหาพันธมิตร ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีการเติบโตน้อย อาคารเก่า แพทย์น้อย เครื่องมือน้อย เป็นต้น บริษัทจึงจัดหาทุนเพื่อพัฒนาอาคารเก่าสู่ความทันสมัย เพิ่มเทคโนโลยี และสร้างทีมงานให้มีประสิทธิภาพ โดยโรงพยาบาลมุ่งขยายเครือข่ายในพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อกระจายโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพในราคายุติธรรม อีกทั้งยังเป็นการแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลรัฐ
โดยบริษัทวางแผนขยายโรงพยาบาลเพิ่มปีละ 3-4 แห่ง โดยใช้งบประมาณการปรับปรุงอยู่ที่ 4 ล้านบาทต่อเตียง ซึ่งเปรียบเทียบกับการสร้างใหม่อยู่ที่ 6-7 ล้านบาทต่อเตียง ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นการใช้ต้นทุนที่สูงพอสมควร ประกอบกับบริษัทวางรูปแบบธุรกิจโรงพยาบาลเพื่อจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ดังนั้น หากต้นทุนสูง ต้องเก็บค่าบริการสูง ซึ่งนั่นไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักของโรงพยาบาล หรือ หากเปรียบการลงทุนเช่นเดียวกับธุรกิจการบิน หากใช้เงินซื้อเครื่องบินลำใหญ่ แต่มีลูกค้าบินน้อย ต้นทุนก็สูง แต่กำไรตํ่าหรือขาดทุน
เป้าหมายของบริษัทในวันนี้ คือ การนำ Big Data for Healthcare มาใช้ เพื่อเข้าถึงข้อมูลคนไข้ได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึงมากที่สุด พร้อมทั้งวางแผนทำงานร่วมกับภาครัฐ ขณะที่ ผู้บริหารยุคใหม่ต้องทำหน้าที่เป็น "โค้ช" คอยเทรนด์พนักงานให้มีคุณภาพ ดึงศักยภาพบุคลากรมาใช้ และพัฒนาพวกเขาเป็น Successor หรือ ผู้รับช่วงต่อ จากพนักงานเป็นหัวหน้าแผนก จนไปสู่ระดับบริหาร
"ส่วนตัวเชื่อว่า หากองค์กรให้ความสนใจและพัฒนาบุคลากรในทีมให้ดีและเป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน ย่อมส่งผลต่อองค์กรให้ขยายตัวเร็วและมีคุณภาพ"
ด้วยเป้าหมายและแผนงานที่วางไว้อย่างลงตัว วันนี้ "พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์" จึงพร้อมก้าวเดินอย่างมั่นคงต่อไป
หน้า 25 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,410 วันที่ 18 - 20 ตุลาคม พ.ศ. 2561
กว่า 25 ปีในวงการธุรกิจ "สาธิต วิทยากร" ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งใน CEO ที่คนในวงการธุรกิจเฮลธ์แคร์ต้องรู้จัก ด้วยผลงานที่สร้างความเข้มแข็งและทำให้ บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด ผู้บริหารจัดการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) ก้าวขึ้นเป็นโรงพยาบาลชั้นนำ ด้วยมาตรฐานทั้งด้านการรักษา บริการ ด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตอบโจทย์ของธุรกิจเฮลธ์แคร์เมืองไทย ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
"สาธิต" เล่าถึงคีย์ซักเซสในการบริหารจัดการธุรกิจโรงพยาบาล ซึ่งมีความละเอียดอ่อนและต้องใส่ใจในทุก ๆ รายละเอียด ว่า ด้วยประสบการณ์ที่สนใจในธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ และมีประสบการณ์ด้านการบริหารงานโรงแรม ทำให้ได้เรียนรู้กระบวนการทำงานของโรงแรมมีมาตรฐานสูง ซึ่งธุรกิจโรงพยาบาลไม่มี ดังนั้น จึงมีแนวคิดในการสร้างมาตรฐาน การเทรนนิ่งบุคลากร โครงสร้างอาคาร ให้มีมาตรฐานเดียวกันกับโรงแรมในระดับสากล
"How to ของโรงแรมถูกนำมาปรับใช้กับโรงพยาบาล ตั้งแต่การสร้างอาคาร อัตลักษณ์แต่ละพื้นที่ การอบรมพนักงาน ระบบไอที รูปแบบการบริการ เช่น การรับคนไข้ แม้กระทั่งการเคาะประตูห้อง ก็ต้องมีรายละเอียดและความใส่ใจ"
อีกสิ่งที่โรงพยาบาลให้ความสำคัญ คือ เรื่องของ "เทคโนโลยี" ที่ถูกนำมาใช้ประยุกต์กับโรงพยาบาล เพราะวันนี้การสร้างเครือข่ายถือว่ามีความสำคัญ เพื่อเพิ่มศักยภาพของการแข่งขันและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การนำเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยมาใช้ในการรักษาและการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริการ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องจ่ายยาอัตโนมัติ การดูผล X-Ray ทางคอมพิวเตอร์ ฯลฯ
ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบการบริหารจัดการโรงพยาบาล หรือ HIS (Hospital Information System) เพื่อสร้างมาตรฐานการบริหารจัดการธุรกิจโรงพยาบาลในเครือข่ายให้เชื่อมโยงกัน (Network Hospital Management) สนับสนุนให้มีการแบ่งปันทรัพยากรและการทำงานร่วมกัน เช่น บริหารงานจัดซื้อ งานบริหารคลัง งานเทคโนโลยีสารสนเทศ งานยุทธศาสตร์ งานระบบบัญชี และล่าสุด เตรียมขึ้นระบบบริหารทรัพยากรบุคคลในรูปแบบใหม่ (ระบบ Workday) ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยให้สามารถเห็นภาพรวมของทรัพยากรบุคคลในเครือและสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
"โรงพยาบาลที่บริษัทเข้าไปร่วมทุนจะใช้ข้อมูลและแพลตฟอร์มเดียวกันทั้งหมด ตั้งแต่ระบบการต้อนรับคนไข้ ประวัติคนไข้ บัญชี การเงิน และข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกจัดเก็บอยู่บนระบบคลาวด์ ทำให้แพทย์สามารถแบ่งปันข้อมูลระหว่างแพทย์ในเครือด้วยกันได้ หรือ ฝ่ายจัดซื้อ สามารถบริหารจัดการง่ายขึ้น เช่น การยืมยา ปัจจุบัน โรงพยาบาลหนึ่งแห่งมีต้นทุนการสั่งซื้อยากว่า 30 ล้านบาท เมื่อมีข้อมูลระบบไอทีเข้ามา โรงพยาบาลสามารถยืมยาระหว่างโรงพยาบาลในเครือด้วยกันได้ ทำให้ลดปัญหายาหมดอายุ และลดต้นทุนได้ด้วย"
วันนี้มีการพัฒนาไปถึงการใช้แอพพลิเคชัน ที่สามารถเรียกหาแพทย์ได้ในเวลาฉุกเฉิน เพื่อปรึกษา หรือ ต้องแอดมิตเข้าโรงพยาบาล รวมถึงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีกับกลุ่มผู้สูงอายุ โดยทีวีจะสามารถเชื่อมต่อกับโรงพยาบาลได้ ซึ่งระบบดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562
ปัจจุบัน บริษัทบริการจัดการโรงพยาบาลในเครือ 5 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลปากนํ้าโพ 1, โรงพยาบาลปากนํ้าโพ 2 จ.นครสวรรค์, โรงพยาบาลพิษณุเวช จ.พิษณุโลก, โรงพยาบาลสหเวช จ.พิจิตร และโรงพยาบาลพริ้นซ์ ฮอสพิทอล สุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ และยังมีโรงพยาบาลพริ้นซ์ ฮอสพิทอล อุทัยธานี จ.อุทัยธานี และโรงพยาบาลพิษณุเวช จ.อุตรดิตถ์ ที่คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในไตรมาสแรกของปี 2562
"สาธิต" บอกว่า โมเดลธุรกิจที่บริษัทใช้เป็นมาตรฐานในการลงทุน รวมถึงบริหารจัดการ เริ่มต้นจากการหาพันธมิตร ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีการเติบโตน้อย อาคารเก่า แพทย์น้อย เครื่องมือน้อย เป็นต้น บริษัทจึงจัดหาทุนเพื่อพัฒนาอาคารเก่าสู่ความทันสมัย เพิ่มเทคโนโลยี และสร้างทีมงานให้มีประสิทธิภาพ โดยโรงพยาบาลมุ่งขยายเครือข่ายในพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อกระจายโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพในราคายุติธรรม อีกทั้งยังเป็นการแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลรัฐ
โดยบริษัทวางแผนขยายโรงพยาบาลเพิ่มปีละ 3-4 แห่ง โดยใช้งบประมาณการปรับปรุงอยู่ที่ 4 ล้านบาทต่อเตียง ซึ่งเปรียบเทียบกับการสร้างใหม่อยู่ที่ 6-7 ล้านบาทต่อเตียง ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นการใช้ต้นทุนที่สูงพอสมควร ประกอบกับบริษัทวางรูปแบบธุรกิจโรงพยาบาลเพื่อจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ดังนั้น หากต้นทุนสูง ต้องเก็บค่าบริการสูง ซึ่งนั่นไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักของโรงพยาบาล หรือ หากเปรียบการลงทุนเช่นเดียวกับธุรกิจการบิน หากใช้เงินซื้อเครื่องบินลำใหญ่ แต่มีลูกค้าบินน้อย ต้นทุนก็สูง แต่กำไรตํ่าหรือขาดทุน
เป้าหมายของบริษัทในวันนี้ คือ การนำ Big Data for Healthcare มาใช้ เพื่อเข้าถึงข้อมูลคนไข้ได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึงมากที่สุด พร้อมทั้งวางแผนทำงานร่วมกับภาครัฐ ขณะที่ ผู้บริหารยุคใหม่ต้องทำหน้าที่เป็น "โค้ช" คอยเทรนด์พนักงานให้มีคุณภาพ ดึงศักยภาพบุคลากรมาใช้ และพัฒนาพวกเขาเป็น Successor หรือ ผู้รับช่วงต่อ จากพนักงานเป็นหัวหน้าแผนก จนไปสู่ระดับบริหาร
"ส่วนตัวเชื่อว่า หากองค์กรให้ความสนใจและพัฒนาบุคลากรในทีมให้ดีและเป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน ย่อมส่งผลต่อองค์กรให้ขยายตัวเร็วและมีคุณภาพ"
ด้วยเป้าหมายและแผนงานที่วางไว้อย่างลงตัว วันนี้ "พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์" จึงพร้อมก้าวเดินอย่างมั่นคงต่อไป
หน้า 25 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,410 วันที่ 18 - 20 ตุลาคม พ.ศ. 2561
