สงครามการค้าพ่นพิษ! "ถั่วเหลือง-เครื่องดื่มแอลกอฮอล์-เครื่องสำอาง" ทะลักไทย

16 ต.ค. 2561 | 12:33 น.
พาณิชย์สั่งจับตาสินค้าสหรัฐฯ-จีนทะลักไทยเพิ่ม! ผลพวงสงครามการค้าขึ้นภาษีตีกันนำเข้า หนังตัวอย่าง "ถั่วเหลือง เครื่องสำอาง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์" ยอดพุ่ง ทูตพาณิชย์จีน-มะกันชี้! มีได้-เสีย แต่ยังมั่นใจส่งออกไป 2 ตลาดใหญ่ ปี 62 ยังโต โชว์แผนดันสุดลิ่ม

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลกระทบสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่มีต่อการค้าโลก ว่า ในแง่ของผลกระทบโดยรวมจะยังคงกระทบต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจการค้าโลกในวงกว้าง เกิดการระมัดระวังในการเพิ่มผลผลิตและการลงทุน และจะทำให้รูปแบบและโครงสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศเปลี่ยนแปลงไป เกิดการเคลื่อนย้ายการลงทุนไปยังประเทศอื่น ส่งผลให้กลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบต้องหาพันธมิตรและการลงทุนใหม่ ๆ

 

[caption id="attachment_333891" align="aligncenter" width="503"] พิมพ์ชนก วอนขอพร พิมพ์ชนก วอนขอพร[/caption]

สำหรับกลุ่มสินค้าไทยที่ได้รับผลกระทบทางตรงในการส่งออกไปยังสหรัฐฯ จากสหรัฐฯ มีการขึ้นภาษีสินค้าจากทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา ประกอบด้วย เครื่องซักผ้า โซลาร์เซลล์ เหล็ก อะลูมิเนียม ส่วนสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาขึ้นภาษี ในขณะที่ ผลกระทบทางอ้อม (ในเชิงลบ) มีสัญญาณของการระบายสินค้าที่ถูกใช้มาตรการมายังไทยเพิ่มขึ้นในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อาทิ ถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 50% จากจีนเพิ่มขึ้น 4%, เครื่องสำอางจากจีนเพิ่มขึ้น 50% จากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 18% และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากจีนเพิ่มขึ้น 125% และจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 10% เป็นต้น

ทั้งนี้ แนวทางในการตั้งรับของไทยในเชิงรุกจากนี้ไป คือ การมองหาตลาดและคู่ค้าใหม่ ๆ การปรับกลยุทธ์และพัฒนาสินค้า แก้ไขปัญหาอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดทดแทน รวมถึงการดึงดูดจีนให้เข้ามาลงทุนในเขตอุตสาหกรรมไฮเทค เป็นต้น ส่วนเชิงรับ เช่น การเฝ้าระวังการทะลักเข้ามาของสินค้าจากประเทศต่าง ๆ การติดตามสถานการณ์การตั้งโรงงานและรับจ้างผลิตสินค้าของต่างประเทศในไทย เพื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ  รวมไปถึงการดูแลสินค้าที่อาจจะได้รับผลกระทบและหามาตรการรองรับสินค้าเกษตรและปศุสัตว์ เป็นต้น

"ขณะนี้ เงินทุนจากจีน ไต้หวัน ฮ่องกง กำลังหาที่ลงทุนใหม่ โดยเฉพาะในแถบเอเชีย ซึ่งก็ถือว่าเป็นโอกาสของไทยในการดึงลงทุนในพื้นที่อีอีซี แต่ทั้งนี้ นักลงทุนเองก็มีความกังวลเรื่องเสถียรภาพของการเงินไทย ดังนั้น ทูตพาณิชย์จะเป็นตัวช่วยดึงความมั่นใจให้ต่างชาติให้มาลงทุนในไทย ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทาย"


เหล็กเส้น

นางสาวจีรนันท์ หิรัญญสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) หรือ ทูตพาณิชย์ ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ผลกระทบสงครามทางการค้าต้องมองเป็น 2 มิติ คือ มิติด้านบวกส่งผลดีต่อสินค้าเกษตรของไทย เพราะหลังจากสหรัฐอเมริกาและจีนต่างมีการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้น เป็นโอกาสให้ไทยสามารถส่งสินค้าไปทดแทนสินค้าของอีกฝ่ายในตลาดสหรัฐฯ และจีนได้เพิ่มขึ้น ส่วนด้านการลงทุนนั้น มองว่าทั้งจีนและสหรัฐฯ จะมีการย้ายหรือขยายฐานการผลิตมายังประเทศในแถบเอเชียมากขึ้น โดยไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ในโลเคชันที่เหมาะสม

ส่วนมิติด้านลบที่จะส่งผลกระทบต่อนั้น อยู่ในกลุ่มสินค้าที่ไทยเป็นห่วงโซ่อุปทาน (ซัพพลายเชน) วัตถุดิบให้กับจีนและสหรัฐฯ ที่นำไปผลิตสินค้าต่อ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวและพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ เช่น ใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วยมากขึ้น รวมไปถึงการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าไปลงทุนในเมืองรองมากขึ้น ซึ่งในส่วนของ สคต. จีนเองจะพยายามผลักดันให้นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)

สำหรับภาพรวมการส่งออกของไทยไปจีนช่วง 8 เดือนแรก ปี 2561 มีมูลค่า 20,071 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยทั้งปีนี้ตั้งเป้าการส่งออกไทยไปจีนจะขยายตัวที่ 8% มูลค่า 29,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าน่าจะทำได้ตามเป้าหมาย ส่วนเป้าส่งออกไทยไปจีนในปี 2562 เบื้องต้น ตั้งไว้จะขยายตัวที่ 12% หรือมีมูลค่า 31,866 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยแผนงานที่สำคัญจะขยายตลาดสู่เมืองรองให้มากขึ้น การเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ในสินค้าที่เป็นอัตลักษณ์ของไทย และขยายตลาดการค้าออนไลน์ให้มากขึ้น หลังจากที่ไทยมีความร่วมมือกับอาลีบาบากรุ๊ป


เครื่องสำอาง

นายนพดล ทองมี ผู้อำนวยการ สคต. ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เผยว่า ภาพรวมการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ ช่วง 3 ไตรมาสแรกปีนี้ ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ดี แต่ช่วงไตรมาส 4 คำสั่งซื้ออาจจะลดลงบ้าง จากเป็นช่วงเทศกาลและมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ยอดส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ขยายตัวที่ 5.4% มูลค่า 18,292 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนเป้าหมายทั้งปีนี้อยู่ที่ 6% คาดว่าน่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย ส่วนเป้าหมายในปี 2562 ต้องรอเสนอ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่จะมาให้นโยบายทูตพาณิชย์ทั่วโลก ในวันที่ 18 ต.ค. นี้ก่อน แต่ทั้งนี้ คาดตัวเลขการส่งออกไทยไปตลาดสหรัฐฯ ในปี 2562 น่าจะใกล้เคียงกับปีนี้ คือ 5-6% ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังขยายตัวได้ดี

"ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ทำการค้ากับจีนค่อนข้างมาก สินค้าจีนค่อนข้างราคาถูกและสามารถสั่งได้ในปริมาณมาก แต่เวลานี้ จากสงครามการค้ามีการปรับขึ้นภาษีสินค้าจีน 10-25% ทำให้เริ่มมีการย้ายการสั่งซื้อสินค้าจากจีนมาไทย รวมถึงจากประเทศอื่น ๆ ที่เป็นแหล่งสำรองของเขามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สินค้าไลฟ์สไตล์ เสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์พลาสติก"

สำหรับในปีหน้า สิ่งที่ไทยต้องระวัง คือ สหรัฐฯ กำลังมองว่า ใน 10 ประเทศแรกที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ามาก แม้ไทยจะไม่ได้อยู่ในกลุ่ม แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกตรวจสอบ ดังนั้น สินค้าไทยที่ต้องเฝ้าระวัง เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อุตสาหกรรมหนัก เป็นต้น

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว