เร่งเสนอครม.เดินรถสายสีเขียวกทม.จ่อMOUรฟม.กลางพ.ย.นี้
คมนาคมได้ข้อสรุปผลการหารือร่วมกทม.-รฟม. กรณีโอนภาระหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต วงเงินกว่า 5 หมื่นล้าน คาดลงนามเอ็มโอยูกลางพ.ย.ก่อนเสนอครม.เห็นชอบและเปิดเดินรถ 5 ธ.ค.นี้
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ครั้งที่ 7/2561 ว่าที่ประชุมได้ติดตามรายละเอียดค่าใช้จ่ายโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ณ วันที่ 30 กันยายน 2561 วงเงินภาระหนี้กว่า 5 หมื่นล้านบาทว่าผลการพิจารณาของกรุงเทพมหานคร(กทม.) ต่อข้อเสนอด้านการเงินสำหรับการโอนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ตามมติคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 6/2561 รวมถึงขั้นตอนการโอนหนี้สิน เพื่อดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการมอบหมายให้กทม.เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ทั้งนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ มีแผนเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2561
“เป็นการประชุมเพื่อซักซ้อมข้อมูลก่อนที่จะแจ้งให้คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ทราบ ในวันที่ 17 ต.ค.นี้ โดยที่ประชุมได้ติดตามรายละเอียดค่าใช้จ่ายโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และผลการพิจารณาของทางกรุงเทพมหานครต่อข้อเสนอด้านการเงิน สำหรับการโอนทรัพย์สินและหนี้สินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ รวมถึงขั้นตอนการโอนหนี้สินเพื่อดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) การมอบหมายให้กรุงเทพมหานครเป็นผู้บริหารจัดการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งโครงการ”
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ทางกรุงเทพมหานคร ได้มีการแจ้งมติข้อบัญญัติว่ายินดีที่จะรับโอนทรัพย์สินและหนี้สินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรอลงราชกิจจานุเบกษา ซึ่งความคืบหน้าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ งานโยธาแล้วเสร็จแล้วเหลือเพียงการติดตั้งระบบไฟฟ้าในบางจุด และอยู่ระหว่างการนำขบวนรถไฟฟ้ามาทดสอบระบบ คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้ในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ และหลังจากผ่านมติของ คจร.แล้ว หากเป็นไปได้คาดว่าในช่วงกลางเดือน พ.ย.นี้ ทั้งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) และทางกรุงเทพมหานคร จะเร่งดำเนินการนำเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาต่อไป
ด้านนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวเสริมว่า ในการประชุมครั้งนี้ได้ข้อสรุปแล้วว่ากทม.ได้ดำเนินเรื่องและผ่านการเห็นชอบของสภากทม.มาเรียบร้อยแล้ว โดยจะเป็นผู้รับภาระค่าดอกเบี้ยและค่าอุทธรณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อได้ตัดค่าภาระหนี้ทั้งหมดแล้ว
“หากภาระหนี้ส่วนไหนที่เกี่ยวกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) ก็ให้สบน.รับดำเนินการต่อไป ขณะนี้ได้กำหนดระยะเวลาชัดเจนแล้วว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไรบ้าง โดยเตรียมจะเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ราวกลางเดือนพฤศจิกายนนี้เพื่อให้เห็นชอบกรณีโอนภาระหนี้ดังกล่าวว่ามีเงื่อนไขอย่างไรบ้างตามที่ได้ข้อสรุปการหารือในวันนี้ โดยกทม.จะต้องนำเสนอผ่านกระทรวงมหาดไทย ส่วนการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) เสนอผ่านกระทรวงคมนาคม
ทั้งนี้จะมีการลงนามบันทึกความร่วมมือ(เอ็มโอยู) ด้านหน้าที่ของแต่ละฝ่ายให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อให้รัฐรับสภาพหนี้ต่อไป และจะเดินรถในวันที่ 5 ธันวาคม 2561 ส่วนขณะนี้ที่มีภาระค่าใช้จ่ายการเดินรถ 1 สถานีคือสถานีแบริ่ง-สถานีสำโรง กทม.เป็นผู้รับผิดชอบ โดยกทม.จะผลักดันโครงการดังกล่าวนี้ เป็นไปในรูปแบบการร่วมลงทุนพีพีพีตามนโยบายคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(พีพีพี) ต่อไป สำหรับภาระหนี้ในครั้งนี้หากรวมรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งสองสายทางรวมเป็นเงิน 51,785 ล้านบาท
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ครั้งที่ 7/2561 ว่าที่ประชุมได้ติดตามรายละเอียดค่าใช้จ่ายโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ณ วันที่ 30 กันยายน 2561 วงเงินภาระหนี้กว่า 5 หมื่นล้านบาทว่าผลการพิจารณาของกรุงเทพมหานคร(กทม.) ต่อข้อเสนอด้านการเงินสำหรับการโอนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ตามมติคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 6/2561 รวมถึงขั้นตอนการโอนหนี้สิน เพื่อดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการมอบหมายให้กทม.เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ทั้งนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ มีแผนเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2561
“เป็นการประชุมเพื่อซักซ้อมข้อมูลก่อนที่จะแจ้งให้คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ทราบ ในวันที่ 17 ต.ค.นี้ โดยที่ประชุมได้ติดตามรายละเอียดค่าใช้จ่ายโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และผลการพิจารณาของทางกรุงเทพมหานครต่อข้อเสนอด้านการเงิน สำหรับการโอนทรัพย์สินและหนี้สินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ รวมถึงขั้นตอนการโอนหนี้สินเพื่อดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) การมอบหมายให้กรุงเทพมหานครเป็นผู้บริหารจัดการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งโครงการ”
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ทางกรุงเทพมหานคร ได้มีการแจ้งมติข้อบัญญัติว่ายินดีที่จะรับโอนทรัพย์สินและหนี้สินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรอลงราชกิจจานุเบกษา ซึ่งความคืบหน้าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ งานโยธาแล้วเสร็จแล้วเหลือเพียงการติดตั้งระบบไฟฟ้าในบางจุด และอยู่ระหว่างการนำขบวนรถไฟฟ้ามาทดสอบระบบ คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้ในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ และหลังจากผ่านมติของ คจร.แล้ว หากเป็นไปได้คาดว่าในช่วงกลางเดือน พ.ย.นี้ ทั้งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) และทางกรุงเทพมหานคร จะเร่งดำเนินการนำเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาต่อไป
ด้านนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวเสริมว่า ในการประชุมครั้งนี้ได้ข้อสรุปแล้วว่ากทม.ได้ดำเนินเรื่องและผ่านการเห็นชอบของสภากทม.มาเรียบร้อยแล้ว โดยจะเป็นผู้รับภาระค่าดอกเบี้ยและค่าอุทธรณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อได้ตัดค่าภาระหนี้ทั้งหมดแล้ว
“หากภาระหนี้ส่วนไหนที่เกี่ยวกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) ก็ให้สบน.รับดำเนินการต่อไป ขณะนี้ได้กำหนดระยะเวลาชัดเจนแล้วว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไรบ้าง โดยเตรียมจะเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ราวกลางเดือนพฤศจิกายนนี้เพื่อให้เห็นชอบกรณีโอนภาระหนี้ดังกล่าวว่ามีเงื่อนไขอย่างไรบ้างตามที่ได้ข้อสรุปการหารือในวันนี้ โดยกทม.จะต้องนำเสนอผ่านกระทรวงมหาดไทย ส่วนการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) เสนอผ่านกระทรวงคมนาคม
ทั้งนี้จะมีการลงนามบันทึกความร่วมมือ(เอ็มโอยู) ด้านหน้าที่ของแต่ละฝ่ายให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อให้รัฐรับสภาพหนี้ต่อไป และจะเดินรถในวันที่ 5 ธันวาคม 2561 ส่วนขณะนี้ที่มีภาระค่าใช้จ่ายการเดินรถ 1 สถานีคือสถานีแบริ่ง-สถานีสำโรง กทม.เป็นผู้รับผิดชอบ โดยกทม.จะผลักดันโครงการดังกล่าวนี้ เป็นไปในรูปแบบการร่วมลงทุนพีพีพีตามนโยบายคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(พีพีพี) ต่อไป สำหรับภาระหนี้ในครั้งนี้หากรวมรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งสองสายทางรวมเป็นเงิน 51,785 ล้านบาท
