วงการเหล็กตื่น! หวั่น "เหล็กจีน" ล็อตใหม่ทะลักเข้าไทย-อาเซียน

15 ต.ค. 2561 | 09:49 น.
วงการเหล็กตื่น! หวั่นเหล็กจีนล็อตใหม่ทะลักเข้าไทยและอาเซียน หลังรัฐบาลจีนเพิ่มภาษีอุดหนุนผู้ส่งออกในประเทศ

วงการ เผย จีนเร่งปรับยุทธศาสตร์การค้าเหล็กใหม่ เพื่อรักษายอดส่งออก ขณะที่ กลุ่มผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นโล่งอก ยามวิกฤตยังมีโอกาส อเมริกาไฟเขียว! ส่งออก 5 แสนตัน สำหรับทำบรรจุภัณฑ์

อุตสาหกรรมเหล็กไทยและในอาเซียนเริ่มตกที่นั่งลำบากมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลจีนดิ้นหนีตาย จากที่เคยพึ่งพาตลาดหลัก อย่าง อเมริกาและยุโรป ก็เริ่มถึงทางตันมากขึ้น หลังจากที่อเมริกาและจีนประกาศศึกสงครามการค้า ทำให้รัฐบาลจีนต้องออกมาปรับยุทธศาสตร์การค้าในอุตสาหกรรมเหล็กอีกครั้ง โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ รัฐบาลจีนออกมาประกาศอุดหนุนผู้ส่งออก โดยปรับโครงสร้างการคืนภาษีสินค้าส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเหล็ก จำนวน 85 รายการ เช่น สินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นที่ความหนามากกว่า 3 มม. ที่มีค่า Yield Strength > 355 นิวตัน/มม. 2 ปรับเพิ่มอัตราการคืนภาษีจาก 9% เป็น 13% หรือ เหล็กเคลือบสีที่มีความกว้างน้อยกว่า 600 มม. ปรับเพิ่มอัตราการคืนภาษีจาก 0 เป็น 9% หรือ ท่อเหล็กและท่อเหล็กหล่อบางส่วนได้เพิ่มอัตราการคืนภาษีจาก 9% เป็น 13%

ต่อเรื่องนี้ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเหล็ก กล่าวว่า น่ากังวลมากว่าปริมาณเหล็กจากจีนล็อตใหม่จะทะลักเข้าไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียนตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป โดยขณะนี้ยังไม่ทราบจำนวน แต่ก็น่าเป็นห่วง เพราะสถานการณ์ในอุตสาหกรรมเหล็กชนิดต่าง ๆ ในขณะนี้ก็แข่งขันกันรุนแรงมาก โดยจีนเร่งปรับยุทธศาสตร์การค้าเหล็กใหม่ เพื่อรักษายอดส่งออก

"ที่น่าเป็นห่วงมาก เนื่องจากจีนยังมีกำลังการผลิตอีกจำนวนมาก เพราะมีความสามารถในการผลิตเหล็กรวมทุกชนิดได้มากถึง 1,200 ล้านตันต่อปี แต่ในช่วง 2 ปีมานี้ จีนผลิตได้จริงราว 800 ล้านตัน ในจำนวนนี้จีนจะผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศจีน จำนวน 600 ล้านตันเศษ และยังมีปริมาณส่วนเกินที่เหลือใช้ราว 150 ล้านตันต่อปี โดยมีการประเมินกันว่า ในยอดส่วนเกินนั้น จีนจะส่งออกมายังอาเซียนราว 60-70 ล้านตัน ซึ่งรวมถึงส่งมาตีตลาดเหล็กราคาถูกในประเทศไทยด้วย"

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ผู้ผลิตเหล็กเกือบทุกชนิดทั่วโลกกำลังตื่นตระหนกกับสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาอยู่นั้น ล่าสุด ก็ยังมีข่าวดีเกิดขึ้นกับวงการเหล็กด้วย เนื่องจากเมื่อเร็ว ๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกาได้ประกาศยกเว้นภาษีตามมาตรา 232 ในอัตรา 25% สำหรับประเทศไทย ที่การส่งออกเหล็กแผ่นรีดเย็นสำหรับใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ไปยังสหรัฐอเมริกา ในปริมาณรวมกันราว 5 แสนตัน


SUS1

ปัจจุบัน ไทยมีผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นสำหรับนำไปใช้ในการผลิตอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และบรรจุภัณฑ์ จำนวน 4 ราย มีทั้งทุนไทยและต่างชาติ ดังนี้ 1.บริษัท เอ็นเอส-สยามยูไนเต็ดสตีล จำกัด (NS-SUS) ทุนญี่ปุ่นโดยกลุ่มนิปปอน สตีล ถือหุ้นใหญ่ 2.บริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TCRSS บริษัทในเครือสหวิริยาสตีลอินดัสสตรี หรือ SSI 3.บริษัท สตาร์คอร์ จำกัด ทุนไทยถือหุ้นทั้งหมด และ 4.บริษัท เอ็นเอส บลูสโคป (ประเทศไทย) จำกัด จากออสเตรเลีย โดย 3 รายแรก มีตลาดส่งออกไปสหรัฐอเมริกา และรายสุดท้ายส่วนใหญ่ผลิตขายภายในประเทศ โดยมีกำลังผลิตรวมกันราว 2.6 ล้านตัน สถานภาพปัจจุบัน สามารถผลิตได้ราว 80% ของกำลังการผลิตรวม

ด้าน นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า ผู้ผลิตเหล็กของไทยเป็นห่วงสินค้าเหล็กจากจีนอาจทะลักเข้าไทยจำนวนมาก หลังจากที่รัฐบาลจีนเพิ่มอัตราการคืนภาษีส่งออกให้กับผู้ส่งออกเหล็กจีน และเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์หามาตรการแก้ปัญหา ว่า กรมได้ติดตามสถานการณ์เหล็กอย่างใกล้ชิด เพราะทราบดีว่า หลังจากที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม ตามมาตรา 232 กฎหมายการค้า Trade Expansion Act 1962 ไปแล้ว อาจทำให้เหล็กจากจีนส่งออกไปสหรัฐฯ ไม่ได้ และต้องส่งออกมาประเทศอื่นแทน และยิ่งมีการเพิ่มอัตราการคืนภาษีส่งออกให้อีก ก็ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้มีการส่งออกเพิ่มขึ้น

ปัจจุบัน ไทยใช้มาตรการเอดีกับเหล็กจากจีนอยู่แล้วถึง 12 รายการ เพราะมีการทุ่มตลาดในไทยจริง และได้เรียกเก็บภาษีเอดีกับเหล็กจากจีนเพิ่มขึ้น ซึ่งต่อไปหากเหล็กจากจีนเข้ามาทุ่มตลาด และเป็นสินค้าในกลุ่ม 12 รายการเดิม ผู้ผลิตก็สามารถร้องเรียนให้พิจารณาทบทวนอัตราอากรเอดีได้ ซึ่งอาจจะเก็บเพิ่มขึ้น เพื่อให้เท่ากับที่มีการทุ่มตลาด หรือ ใช้มาตรการเซฟการ์ด เพื่อสกัดการนำเข้า แต่ถ้าเป็นเหล็กรายการใหม่ ก็สามารถยื่นเรื่องเข้ามายังกรมฯ เพื่อให้พิจารณาใช้มาตรการได้


SUS

595959859