ฟ้องอดีตผู้บริหารเนชั่น! NMG กล่าวโทษลงบัญชีเท็จ - เรียกประชุมผู้ถือหุ้น 31 ต.ค.
NMG กล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหารตกแต่งงบการเงิน ปี 58-59 บันทึกรายรับเกินจริง-รายได้ค้างรับผิดปกติ ทีมตรวจสอบเข้าเคลียร์งบ ปี 60 เสร็จเมื่อ 24 ส.ค. พร้อมเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น 31 ต.ค. นี้
บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG แจ้งว่า บริษัทได้ส่งผลการตรวจสอบ รวมทั้งเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องไปยังหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อดำเนินการกล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง และได้ว่าจ้างที่ปรึกษากฎหมายอิสระ เพื่อดูแลรับผิดชอบในเรื่องการใช้สิทธิทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป หลังพบว่า งบการเงินในช่วงปี 2558 และปี 2559 มีการลงบันทึกรายรับเกินจริง
คณะกรรมการบริหารชุดปัจจุบันของบริษัท (ซึ่งเริ่มเข้ารับตำแหน่งในช่วงเดือน ก.ย. 2560 ถึง ม.ค. 2561) ได้ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของบริษัท และได้พบข้อสงสัยที่เกี่ยวกับรายได้ค้างรับที่มีนัยสำคัญ ซึ่งบันทึกอยู่ในงบการเงินของบริษัท ในช่วงปี 2557-2560 จึงได้ตั้ง "คณะทำงานชุดพิเศษ" ซึ่งประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง จากกรณีการบันทึกรายได้ค้างรับที่มีนัยสำคัญ ที่อาจเป็นเท็จ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อข้อสงสัยในงบการเงินประจำ รอบปี 2557-2560
คณะทำงานชุดพิเศษได้สอบสวนพนักงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏว่า พบความผิดปกติจากกรณีการบันทึกรายได้ค้างรับที่มีนัยสำคัญ จึงได้รายงานต่อคณะกรรมการบริหารของบริษัท โดยคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาและมีความเห็นว่า ข้อมูลดังกล่าวแสดงถึงความปกติของรายการในงบการเงินบางรายการ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีนัยสำคัญต่องบการเงิน ดังนั้น บริษัทจึงยังไม่สามารถออกงบการเงินประจำปี 2560 ได้ และทำให้ผู้สอบบัญชีไม่สามารถสรุปผลการตรวจสอบได้ ซึ่งในระหว่างการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวให้แน่ชัด บริษัทได้เลื่อนการนำส่งงบการเงินประจำปี 2560 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 6 ครั้ง
บริษัทได้ว่าจ้าง บริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย สอบบัญชี จำกัด ซึ่งเป็นผู้สอบบัญชีของบริษัท ที่ได้ตรวจสอบงบการเงินของบริษัท ในช่วงปี 2557-2560 ให้ตรวจสอบข้อมูลรายได้ค้างรับของบริษัทและบริษัทย่อยของงบการเงิน ประจำปี 2560 อีกครั้ง ภายหลังจากการตรวจสอบดังกล่าว ผู้บริหารบริษัทได้ปรับปรุงและแก้ไขงบการเงินที่เกี่ยวข้องย้อนหลัง เพื่อให้งบการเงินดังกล่าวแสดงข้อมูลที่ถูกต้องตรงตามความจริงและสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่แท้จริงของบริษัท
ดังนั้น จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า มีการลงบันทึกรายรับเกินจริงในงบการเงินของบริษัท อันเป็นเหตุให้บริษัทมีรายได้ค้างรับปรากฏในงบการเงินเกินกว่าความเป็นจริงอย่างมีนัยสำคัญ โดยคณะทำงานชุดพิเศษมีความเห็นว่า พฤติกรรมของกรรมการบริษัท และ/หรือผู้บริหารของบริษัทในขณะนั้น อาจมีลักษณะเป็นการลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชี หรือเอกสารของนิติบุคคล หรือที่เกี่ยวกับนิติบุคคลนั้น หรือทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง
เป็นเหตุให้งบการเงินของบริษัทสำหรับงวดสิ้นสุด ปี 2558, 2559 และ 2560 มีรายได้ค้างรับเกินกว่าความเป็นจริงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้บริษัทและผู้ถือหุ้นได้รับความเสียหาย ซึ่งปัจจุบัน คณะกรรมการบริษัทได้แก้ไขเรื่องรายได้ค้างรับเกินกว่าความเป็นจริง และได้พิจารณาอนุมัติงบการเงินประจำปี 2560 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2561 และจะเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 3/61 เพื่อพิจารณาอนุมัติในวันที่ 31 ต.ค. 2561
ทั้งนี้ จากการพิจารณาข้อเท็จจริงและพฤติกรรมของคณะกรรมการบริษัทและผู้บริหาร ณ ช่วงเวลาดังกล่าวข้างต้น มีความน่าสงสัยและไม่เป็นไปตามหลักความไว้วางใจ และหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี รวมถึงไม่เป็นไปตามมาตรา 89/7 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) รวมถึงการให้คำรับรองข้อความอันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในฐานะทางการเงินของบริษัท สำหรับงบการเงินประจำปี 2558 และ 2559 ตามมาตรา 240 และ 312 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท ผู้ถือหุ้น หรือ ผู้ลงทุน และเกิดผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของธุรกิจโดยรวม
ดังนั้น บริษัทจึงได้ส่งผลการตรวจสอบ ทั้งเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง ไปยังหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อดำเนินการกล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง และได้ว่าจ้างที่ปรึกษากฎหมายอิสระเพื่อดูแลรับผิดชอบในเรื่องการใช้สิทธิทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ บริษัทยืนยันว่า กรรมการและผู้บริหารชุดปัจจุบัน ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต ภายใต้กรอบของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการและผู้บริหารชุดปัจจุบันได้ดำเนินการแก้ไขการกระทำผิดของผู้บริหารในขณะนั้น เพื่อให้เกิดความถูกต้องตามกฎหมายและมีความตั้งใจที่จะกำกับดูแลการนำส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,409 วันที่ 14 - 17 ต.ค. 2561 หน้า 17
บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG แจ้งว่า บริษัทได้ส่งผลการตรวจสอบ รวมทั้งเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องไปยังหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อดำเนินการกล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง และได้ว่าจ้างที่ปรึกษากฎหมายอิสระ เพื่อดูแลรับผิดชอบในเรื่องการใช้สิทธิทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป หลังพบว่า งบการเงินในช่วงปี 2558 และปี 2559 มีการลงบันทึกรายรับเกินจริง
คณะกรรมการบริหารชุดปัจจุบันของบริษัท (ซึ่งเริ่มเข้ารับตำแหน่งในช่วงเดือน ก.ย. 2560 ถึง ม.ค. 2561) ได้ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของบริษัท และได้พบข้อสงสัยที่เกี่ยวกับรายได้ค้างรับที่มีนัยสำคัญ ซึ่งบันทึกอยู่ในงบการเงินของบริษัท ในช่วงปี 2557-2560 จึงได้ตั้ง "คณะทำงานชุดพิเศษ" ซึ่งประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง จากกรณีการบันทึกรายได้ค้างรับที่มีนัยสำคัญ ที่อาจเป็นเท็จ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อข้อสงสัยในงบการเงินประจำ รอบปี 2557-2560
คณะทำงานชุดพิเศษได้สอบสวนพนักงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏว่า พบความผิดปกติจากกรณีการบันทึกรายได้ค้างรับที่มีนัยสำคัญ จึงได้รายงานต่อคณะกรรมการบริหารของบริษัท โดยคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาและมีความเห็นว่า ข้อมูลดังกล่าวแสดงถึงความปกติของรายการในงบการเงินบางรายการ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีนัยสำคัญต่องบการเงิน ดังนั้น บริษัทจึงยังไม่สามารถออกงบการเงินประจำปี 2560 ได้ และทำให้ผู้สอบบัญชีไม่สามารถสรุปผลการตรวจสอบได้ ซึ่งในระหว่างการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวให้แน่ชัด บริษัทได้เลื่อนการนำส่งงบการเงินประจำปี 2560 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 6 ครั้ง
บริษัทได้ว่าจ้าง บริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย สอบบัญชี จำกัด ซึ่งเป็นผู้สอบบัญชีของบริษัท ที่ได้ตรวจสอบงบการเงินของบริษัท ในช่วงปี 2557-2560 ให้ตรวจสอบข้อมูลรายได้ค้างรับของบริษัทและบริษัทย่อยของงบการเงิน ประจำปี 2560 อีกครั้ง ภายหลังจากการตรวจสอบดังกล่าว ผู้บริหารบริษัทได้ปรับปรุงและแก้ไขงบการเงินที่เกี่ยวข้องย้อนหลัง เพื่อให้งบการเงินดังกล่าวแสดงข้อมูลที่ถูกต้องตรงตามความจริงและสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่แท้จริงของบริษัท
ดังนั้น จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า มีการลงบันทึกรายรับเกินจริงในงบการเงินของบริษัท อันเป็นเหตุให้บริษัทมีรายได้ค้างรับปรากฏในงบการเงินเกินกว่าความเป็นจริงอย่างมีนัยสำคัญ โดยคณะทำงานชุดพิเศษมีความเห็นว่า พฤติกรรมของกรรมการบริษัท และ/หรือผู้บริหารของบริษัทในขณะนั้น อาจมีลักษณะเป็นการลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชี หรือเอกสารของนิติบุคคล หรือที่เกี่ยวกับนิติบุคคลนั้น หรือทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง
เป็นเหตุให้งบการเงินของบริษัทสำหรับงวดสิ้นสุด ปี 2558, 2559 และ 2560 มีรายได้ค้างรับเกินกว่าความเป็นจริงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้บริษัทและผู้ถือหุ้นได้รับความเสียหาย ซึ่งปัจจุบัน คณะกรรมการบริษัทได้แก้ไขเรื่องรายได้ค้างรับเกินกว่าความเป็นจริง และได้พิจารณาอนุมัติงบการเงินประจำปี 2560 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2561 และจะเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 3/61 เพื่อพิจารณาอนุมัติในวันที่ 31 ต.ค. 2561
ทั้งนี้ จากการพิจารณาข้อเท็จจริงและพฤติกรรมของคณะกรรมการบริษัทและผู้บริหาร ณ ช่วงเวลาดังกล่าวข้างต้น มีความน่าสงสัยและไม่เป็นไปตามหลักความไว้วางใจ และหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี รวมถึงไม่เป็นไปตามมาตรา 89/7 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) รวมถึงการให้คำรับรองข้อความอันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในฐานะทางการเงินของบริษัท สำหรับงบการเงินประจำปี 2558 และ 2559 ตามมาตรา 240 และ 312 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท ผู้ถือหุ้น หรือ ผู้ลงทุน และเกิดผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของธุรกิจโดยรวม
ดังนั้น บริษัทจึงได้ส่งผลการตรวจสอบ ทั้งเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง ไปยังหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อดำเนินการกล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง และได้ว่าจ้างที่ปรึกษากฎหมายอิสระเพื่อดูแลรับผิดชอบในเรื่องการใช้สิทธิทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ บริษัทยืนยันว่า กรรมการและผู้บริหารชุดปัจจุบัน ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต ภายใต้กรอบของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการและผู้บริหารชุดปัจจุบันได้ดำเนินการแก้ไขการกระทำผิดของผู้บริหารในขณะนั้น เพื่อให้เกิดความถูกต้องตามกฎหมายและมีความตั้งใจที่จะกำกับดูแลการนำส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,409 วันที่ 14 - 17 ต.ค. 2561 หน้า 17
