อโกด้า หนึ่งในผู้ให้บริการห้องพักออนไลน์ ได้ทำการสำรวจเรื่อง “เทรนด์การท่องเที่ยวคนเดียว ปี 2561” ซึ่งจัดทำโดย YouGov พบว่า นักเดินทางหลายคนเลือกจะท่องเที่ยวคนเดียว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่ม Millennials จากเอเชีย และ Baby Boomers ในกลุ่มนักท่องเที่ยวตะวันตก
โดยนักเดินทางคนเดียวทั้งหลาย ต่างมุ่งหน้าไปยังเมืองที่มีความสากล ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อไปทำธุรกิจ เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ หรือเพื่อ “bleisure” (การท่องเที่ยวทั้งเพื่อธุรกิจและพักผ่อน) ซึ่งจากข้อมูลการจองห้องพักของอโกด้าพบว่า กรุงเทพฯ เป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับนักเดินทางคนเดียวชาวเอเชียในปีนี้ ขณะที่ลอนดอน (สหราชอาณาจักร) คือจุดหมายอันดับหนึ่งสำหรับนักเดินทางคนเดียวชาวตะวันตก
“ทั้งกรุงเทพฯและลอนดอน ได้รับความนิยมก็เพราะว่า มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ทำให้นักเดินทางคนเดียวทั้งหลายเพลิดเพลินไปกับแหล่งช้อปปิ้งและสถานบันเทิง”
ส่วนแรงจูงใจสำหรับการไปท่องเที่ยวคนเดียวของนักเดินทางทั่วโลก พบว่า อันดับหนึ่ง 61% โอกาสที่จะได้ไปพักผ่อนให้ผ่อนคลายสบายใจ อันดับสอง 52% ได้ทำอะไรที่แตกต่างจากกิจวัตรเดิมๆ อันดันสาม 45% ได้สำรวจวัฒนธรรมต่างแดน
นอกจากนี้ยังพบว่า นักเดินทางคนเดียวชาวเอเชียและนักเดินทางคนเดียวชาวตะวันตก มีความแตกต่างกัน โดยฝั่งเอเชียความนิยมเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว เกิดขึ้นในกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ ได้แก่ กลุ่ม Millennials กลุ่มคนอายุ 26-38 ปี 41% และ Generation Z กลุ่มคนอายุ 18-25 ปี 38% โดย 46% ของทั้งสองกลุ่มใช้เวลาเที่ยวราว 1-3 คืนต่อทริป
ขณะที่ฝั่งตะวันตกการท่องเที่ยวคนเดียวเป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่มีอายุ อย่าง Baby Boomers กลุ่มคนอายุ 59 ปีขึ้นไป 39% รองลงมา 24% เป็นกลุ่ม Generation X คนอายุ 39-58 ปี โดย 34% ของนักท่องเที่ยวจากฝั่งตะวันตกที่เดินทางคนเดียวมักใช้เวลาในการท่องเที่ยวราว 4-7 คืน
ผลสำรวจยังพบว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางคนเดียวใช้เวลากับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือมากกว่านักท่องเที่ยวประเภทอื่นๆ เฉลี่ยราวสองชั่วโมงต่อวัน (119 นาที) ซึ่งมากกว่าเวลาที่ไปกับเพื่อน 15% (100 นาที) และเมื่อไปกับครอบครัว 26% (86 นาที)
ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวเอเชียที่เดินทางคนเดียวติดการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลมากกว่าชาวยุโรปถึง 2 เท่า (31% ต่อ 12%) โดยชาวเอเชียใช้เวลาราว 4 ชั่วโมงต่อวันอยู่กับหน้าจอ