"ปอร์เช่" ขุมพลังไฟฟ้า ... ขับกลางคืน รุ่งโรจน์ในอนาคต

15 ต.ค. 2561 | 04:36 น.
ชัดเจนแล้วครับว่า จากนี้ไปขุมพลังขับเคลื่อนของ 'ปอร์เช่' จะมีเพียง 3  ทางเลือกหลัก คือ "เบนซิน" สำหรับกลุ่มรถสปอร์ต เช่น 911 ส่วน "ปลั๊ก-อินไฮบริด" มีไว้ให้พวกรถใช้งานทั่วไป เช่น พานาเมรา, คาเยนน์ ส่วนเป้าหมายใหญ่ คือ "อีวี" จะทยอยพัฒนาและเปิดตัวตั้งแต่ปีหน้า ประเดิมด้วยรุ่น "ไทคานน์"

โดยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 6 สูบนอน ของปอร์เช่นนั้น เป็นเหมือนมรดกและสัญลักษณ์ของปอร์เช่ มีเสน่ห์เปี่ยมไปด้วยมนต์ขลัง ปัจจุบัน ลดขนาดกระบอกสูบลงมาให้สอดคล้องกับกฎหมายมลพิษไอเสีย ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลก็ตามที่เคยประกาศไปว่าจะไม่พัฒนาต่อแล้ว ขณะที่ กลุ่มปลั๊ก-อินไฮบริด เป็นความสมเหตุสมผลในการใช้งานปัจจุบัน ก่อนจะก้าวไปถึงรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในอนาคต


E-Performance (5) E-Performance (20)

E-Performance (22)

ปอร์เช่ลงทุนเป็นหลักแสนล้านบาทในโปรเจ็กต์ใหญ่ของการพัฒนารถพลังงานไฟฟ้า แต่ในชีวิตจริงที่ต้องอิงกับยอดขายหารายได้เข้าบริษัท รุ่นปลั๊ก-อินไฮบริดนี่ละครับ ทำยอดขายดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเมืองไทยกว่า 90% ของพานาเมราและคาเยนน์ เป็นสัดส่วนของรุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด

'ปอร์เช่' คุยว่า ขุมพลังปลั๊ก-อินไฮบริดของเขามีสมรรถนะดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน (ก็คงหมายถึงที่สุดของโลก) เมื่อนำมาใช้ในรถทั้ง 2 รุ่นดังกล่าว สามารถตอบสนองทั้งการปล่อยไอเสียตํ่า ประหยัดนํ้ามัน (ประเด็นนี้ต้องพิจารณาว่าวิ่งในโหมดไหนอย่างไร) และที่ได้เต็ม ๆ คือ เรื่องสมรรถนะ

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปอร์เช่จัดงาน Porsche E-Performance Night ตอกยํ้าเรื่องแนวทางพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า พร้อมให้ลองขับรถปลั๊ก-อินไฮบริด 2 รุ่นล่าสุด คือ คาเยนน์ อี-ไฮบริด กับพานาเมรา เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด ที่สนามเซปังฯ เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย


E-Performance Night (8) E-Performance Night (9) E-Performance Night (25)

E-Performance (28) E-Performance (27)

ผมเดินทางไปร่วมงานนี้แบบไม่ต้องคิดมาก เพราะถือเป็นครั้งแรกในเอเชีย-แปซิฟิก ที่ปอร์เช่นำรถปลั๊ก-อินไฮบริดหลายรุ่นมาให้ลองขับในสนามแข่งตอนกลางคืน

ส่วนรถยนต์รุ่นไฮไลต์ที่นำมาสร้างความฮือฮาในงาน อย่าง 918 สไปเดอร์ ปอร์เช่เขาจัดให้นั่งแบบฮ็อตแลป (มีนักแข่งขับให้นั่ง) อย่างเดียว

โดยซูเปอร์คาร์ขุมพลังปลั๊ก-อินไฮบริดที่กำลังจะเป็นตำนานของโลกรถยนต์ หรือ คนซื้อเก็บจนกลายเป็นมรดกมากกว่าจะขายทอดตลาดกัน ผลิตมาจำนวนจำกัดทั่วโลก 918 คัน ราคากว่า 26 ล้านบาท (ยังไม่รวมภาษีหากนำเข้ามาขายในไทย) ถูกจองหมดเกลี้ยงตั้งแต่เปิดตัวในปี 2013

ด้วยเครื่องยนต์ วี 8 ขนาด 4.6 ลิตร 608 แรงม้า ไม่รวมมอเตอร์ที่ใช้ขับเพลาหน้าและมอเตอร์ที่ขับเพลาหลัง ให้แรงม้ารวมกันอีกเกือบ 300 ตัว อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 2.6 วินาที ... มีโอกาสนั่งก็เป็นบุญชีวิตแล้ว


E-Performance Night (26)

E-Performance Night (7)

E-Performance Night (5)

แต่เอาละครับ ไฮไลต์สำคัญยังอยู่ที่รถตัวถังซาลูน แต่สมรรถนะน้อง ๆ ซูเปอร์คาร์ อย่าง "พานาเมรา เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด" ตัวรถยาวใหญ่เทอะทะ แต่พกเครื่องยนต์ วี 8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 680 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์คลัตช์คู่ PDK 8 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. แค่ 3.4 วินาที

แม้จะขับในช่วงกลางคืน แต่ไฟสปอตไลต์สว่างจ้า ทัศนวิสัยชัดเจน สมกับเป็นสนามมาตรฐานระดับแข่งรถฟอร์มูล่าวัน ตัวรถเป็นรถพวงมาลัยซ้าย ซึ่งผมได้ขับอยู่ 4  รอบสนาม สัมผัสได้ถึงสมรรถนะเต็ม ๆ ของรถ

ด้วยความกระตือรือร้นในการพุ่งทะยาน พละกำลังมาเต็มและรวดเร็วทันทีเมื่อเติมนํ้าหนักลงบนคันเร่ง การซัดใน
โค้งยาวบนความเร็ว 120 กม./ชม. ทำได้สบาย ๆ ส่วนทางตรงหน้าเมนสแตนด์เหยียบได้ถึง 200 กม./ชม.

โครงสร้างช่วงล่างที่ผลิตจากอะลูมิเนียม ด้านหน้าเป็นปีกนก 2 ชั้น หลังเป็นแบบมัลติลิงก์ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว ประกบยาง 325/30 ZR21 ในด้านหน้า และหลังเป็น 275/35 ZR21 พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เมื่อขับในสนามแข่งแบบนี้ต้องบอกว่า "แน่นหนึบ" แต่ด้วยโครงสร้างของรถขนาดใหญ่ เครื่องยนต์วางหน้า สมรรถนะในโค้งยังไม่เฉียบขาดเท่ากับพวก 911 ละครับ


E-Performance Night (27) E-Performance Night (44)

E-Performance (12)

43534357_485598691926709_3490974578107219968_n

อย่างไรก็ตาม เห็นสมรรถนะโหด ๆ แบบนี้ แต่ด้วยขุมพลังแบบปลั๊ก-อินไฮบริด ถ้าชาร์จแบตเตอรี่มาเต็ม ๆ แล้วขับสบาย ๆ ปอร์เช่เคลมว่า ในโหมดขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน ๆ "พานาเมรา เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด" สามารถทำระยะทางได้ถึง 50 กม. เลยทีเดียว (ขับจริง ๆ ได้สัก 30 กม. ก็สุดยอดแล้ว) นั่นเท่ากับว่ารถไม่กินนํ้ามันและไม่ปล่อยมลพิษไอเสียเลย

สำหรับการใช้งานในเมืองไทย พานาเมรารุ่นนี้อาจจะแรงเกินจำเป็น แถมตอนนี้ไม่มีโควตาให้สั่งด้วย เอาเป็นให้รู้ว่า สุดยอดสมรรถนะของ "พานาเมรา" เป็นอย่างไร สามารถรีดเร้นเข่นพลังได้ขนาดไหน ส่วนการใช้งานปกติ รุ่น 4 อี-ไฮบริด ราคาไม่ถึง 10 ล้านบาท ก็ยอดเยี่ยมเหลือเฟือแล้วครับ


โดย กรกิต กสิคุณ

หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,409 วันที่ 14 - 17 ตุลาคม พ.ศ. 2561

e-book-1-503x62-7