พาณิชย์สั่งโรงสีห้ามแตกแถว โก่งค่าอบลดความชื้นแพงเว่อร์
พรุ่งนี้! จับตากรมส่งเสริมสหกรณ์ประชุมคอนเฟอร์เรนซ์ชี้แจงแนวทางโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2561/62 “พาณิชย์” ผวา โรงสีโขกค่าอบลดความชื้น สหกรณ์-ชาวนาแพงเว่อร์ เรียกมากล่อมตรึงราคา พร้อมขอราคากลางรายภาค-รายจังหวัด ด้าน “เกรียงศักดิ์” ไฟเขียวสมาชิกทั่วประเทศรับจ้างได้ แต่หวั่นงานแน่นช่วงข้าวเปลือกชาวนาออกมามาก
แหล่งข่าวสหกรณ์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 11 ต.ค.61) กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2561 เลขที่ กษ 1107/11723 เรื่องขอเชิญประชุมชี้แจงแนวทางปฏิบัติโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2561/2562 ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว(นบข.)เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2561 และมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2561 เรื่องการทบทวนโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2561/2562 โดยการประชุมหารือ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2561 กับ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีนั้นได้ร่วมกันหาแนวทางการดำเนินโครงการและการเข้าร่วมโครงการของสถาบันเกษตรกรว่าเข้าที่เข้าร่วมโครงการนั้นจะต้องเป็นข้าวเปลือกแห้ง แล้วให้สหกรณ์เป็นผู้จัดเก็บไว้ในคลังของสหกรณ์ ส่วนค่าใช้จ่ายในการอบลดความชื้นนั้นเป็นการตกลงกับสหกรณ์กับชาวนาสมาชิกว่าใครจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย โดยให้ไปตกลงกันเอาเองกับชาวนา แต่ข้าวที่มาฝากเก็บชาวนายังมีสิทธิ์เป็นเจ้าของอยู่ ถ้าราคาข้่วในตลาดขยับขึ้นชาวนามีสิทธิ์ที่จะมาไถ่ถอนไปขายได้ เพราะต้องการให้ชาวนาได้ประโยชน์สูงสุดจากโครงการนี้
ส่วนสหกรณ์/สถาบันเกษตรกร จะได้ค่าฝากเก็บข้าวเปลือกตันละ 500 บาท เพียงแค่รับข้าวเปลือกที่บรรจุใส่ถุงมาให้เรียบร้อยมาฝากสหกรณ์จัดเก็บ โดยที่สหกรณ์ไม่ต้องรับค่าความเสี่ยงในเรื่องราคาข้าวขึ้นลง เพราะข้าวเป็นของ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)ผู้ให้สินเชื่อ เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาที่กำหนดชาวนาไม่มาไถ่ถอน ข้าวก็ปล่อยให้หลุด ธ.ก.ส.ต้องนำไปจำหน่ายเพื่อนำมาคืนเงินให้รัฐบาลต่อไป ส่วนสหกรณ์/สถาบันจะได้รับแค่ค่ารับฝากเก็บข้าวจากสมาชิกเท่านั้น แต่ถ้าอยากจะทำธุรกิจควบคู่ด้วย มีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 1% ให้ไปซื้อขายข้าวทำกำไรได้ ดังนั้น 2 ส่วนนี้จะต้องแยกออกจากกันให้ชัดเจน
นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมานาย บุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ว่าที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้เรียกสมาคมโรงสีข้าวไทยไปหารือ แต่ตนติดภารกิจไปต่างจังหวัด จึงได้ส่งเลขาธิการสมาคมฯไปแทน สาระที่ประชุมคือ ทางกระทรวงพาณิชย์จะใช้โรงสีเป็นเครื่องมือ โดยให้ชาวนาและสหกรณ์ มาจ้างโรงสีอบลดความชื้นข้าวได้ ซึ่งทางสมาคมไม่มีปัญหา แล้วแต่สมาชิกของโรงสีแต่ละโรงไปคุยกันเอง เรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์คงเป็นห่วงเกรงโรงสีจะคิดค่าจ้างอบลดความชื้นแพง ก็มาขอราคากลางแต่ละภาค แต่ละจังหวัด ซึ่งสมาคมไม่เคยมีข้อมูลนี้เลย ขึ้นอยู่กับโรงสีแต่ละโรง อย่างไรก็ดีในช่วงเวลาจากนี้ไปผลผลิตข้าวนาปีกำลังจะออกมาเป็นจำนวนมาก จึงไม่แน่ใจว่าโรงสีจะไปรับจ้างตรงนั้นได้หรือไม่ เพราะแต่ละโรงยังทำธุรกิจปกติด้วย
แหล่งข่าวสหกรณ์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 11 ต.ค.61) กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2561 เลขที่ กษ 1107/11723 เรื่องขอเชิญประชุมชี้แจงแนวทางปฏิบัติโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2561/2562 ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว(นบข.)เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2561 และมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2561 เรื่องการทบทวนโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2561/2562 โดยการประชุมหารือ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2561 กับ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีนั้นได้ร่วมกันหาแนวทางการดำเนินโครงการและการเข้าร่วมโครงการของสถาบันเกษตรกรว่าเข้าที่เข้าร่วมโครงการนั้นจะต้องเป็นข้าวเปลือกแห้ง แล้วให้สหกรณ์เป็นผู้จัดเก็บไว้ในคลังของสหกรณ์ ส่วนค่าใช้จ่ายในการอบลดความชื้นนั้นเป็นการตกลงกับสหกรณ์กับชาวนาสมาชิกว่าใครจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย โดยให้ไปตกลงกันเอาเองกับชาวนา แต่ข้าวที่มาฝากเก็บชาวนายังมีสิทธิ์เป็นเจ้าของอยู่ ถ้าราคาข้่วในตลาดขยับขึ้นชาวนามีสิทธิ์ที่จะมาไถ่ถอนไปขายได้ เพราะต้องการให้ชาวนาได้ประโยชน์สูงสุดจากโครงการนี้
ส่วนสหกรณ์/สถาบันเกษตรกร จะได้ค่าฝากเก็บข้าวเปลือกตันละ 500 บาท เพียงแค่รับข้าวเปลือกที่บรรจุใส่ถุงมาให้เรียบร้อยมาฝากสหกรณ์จัดเก็บ โดยที่สหกรณ์ไม่ต้องรับค่าความเสี่ยงในเรื่องราคาข้าวขึ้นลง เพราะข้าวเป็นของ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)ผู้ให้สินเชื่อ เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาที่กำหนดชาวนาไม่มาไถ่ถอน ข้าวก็ปล่อยให้หลุด ธ.ก.ส.ต้องนำไปจำหน่ายเพื่อนำมาคืนเงินให้รัฐบาลต่อไป ส่วนสหกรณ์/สถาบันจะได้รับแค่ค่ารับฝากเก็บข้าวจากสมาชิกเท่านั้น แต่ถ้าอยากจะทำธุรกิจควบคู่ด้วย มีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 1% ให้ไปซื้อขายข้าวทำกำไรได้ ดังนั้น 2 ส่วนนี้จะต้องแยกออกจากกันให้ชัดเจน
นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมานาย บุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ว่าที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้เรียกสมาคมโรงสีข้าวไทยไปหารือ แต่ตนติดภารกิจไปต่างจังหวัด จึงได้ส่งเลขาธิการสมาคมฯไปแทน สาระที่ประชุมคือ ทางกระทรวงพาณิชย์จะใช้โรงสีเป็นเครื่องมือ โดยให้ชาวนาและสหกรณ์ มาจ้างโรงสีอบลดความชื้นข้าวได้ ซึ่งทางสมาคมไม่มีปัญหา แล้วแต่สมาชิกของโรงสีแต่ละโรงไปคุยกันเอง เรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์คงเป็นห่วงเกรงโรงสีจะคิดค่าจ้างอบลดความชื้นแพง ก็มาขอราคากลางแต่ละภาค แต่ละจังหวัด ซึ่งสมาคมไม่เคยมีข้อมูลนี้เลย ขึ้นอยู่กับโรงสีแต่ละโรง อย่างไรก็ดีในช่วงเวลาจากนี้ไปผลผลิตข้าวนาปีกำลังจะออกมาเป็นจำนวนมาก จึงไม่แน่ใจว่าโรงสีจะไปรับจ้างตรงนั้นได้หรือไม่ เพราะแต่ละโรงยังทำธุรกิจปกติด้วย
