ซีอีโอ นักจุดพลัง ขับเคลื่อนโลกสู่ความยั่งยืน
'ธุรกิจและความยั่งยืนไม่สามารถแยกออกจากกันได้ หากคุณนำเรื่องของความยั่งยืนมาเป็นหลักในการทำธุรกิจ นั่นคือการเดินอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง จงนำสิ่งนั่นมาสร้างระบบและโมเดลธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นและยั่งยืนต่อไป'
ฟังดูอาจจะเว่อร์ไปสักนิด ซีอีโอที่ไหน ที่จะมาขับเคลื่อนโลกสู่ความยั่งยืนได้... ใช่ ! คน คนเดียวทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ให้สำเร็จไม่ได้แน่ๆ แต่คนที่มุ่งมั่นผลักดัน ด้วยการแบ่งปันความรู้ เดินสายปลุกความคิดมนุษย์โลกให้ตื่นขึ้นกับความคิดที่ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม ดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน เพียงแค่นี้ ก็ถือว่าได้ช่วยโลกแล้ว
“มาร์ค บัคลี่ย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งของ ANJA GmbH & Co. KG และ ALOHAS ECO-Center ซึ่งเป็น บริษัทผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่ยั่งยืนผลิตพลังงานทดแทนและทรัพยากรที่ไม่มีเชื้อเพลิงฟอสซิล การปล่อยก๊าซเรือนกระจกและของเสีย เขากำลังมุ่งมั่นในการปฏิรูปอุตสาหกรรมการเกษตรอาหารและเครื่องดื่ม เขาพูดถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการปฏิรูปอาหารทั่วโลก โดยการให้คำปรึกษาและแสดงให้ผู้ประกอบการเห็นและสร้างธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นยั่งยืนและสร้างผลกำไรได้
ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน เขาให้คำปรึกษากับบริษัทต่างๆ เกี่ยวกับการปฏิรูประบบหมุนเวียนด้วยความชำนาญในระบบนวัตกรรมรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ สารอินทรีย์ ผลิตภัณฑ์ดิบและมังสวิรัติ และยังมีส่วนในโครงการร่วมระหว่าง EAT และ WBCSD: การปฏิรูปอาหารเพื่อความยั่งยืนและสุขภาพ (FReSH) ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงในระบบอาหารทั่วโลก เพื่อให้ได้อาหารที่อร่อยและมีสุขภาพดี สำหรับทุกคนที่ผลิตขึ้นอย่างมีความรับผิดชอบ
สาเหตุที่ “มาร์ค” ลุกขึ้นมาทำอะไรเช่นนี้ ก็เพราะเขาหนึ่งในพลเมืองของโลกและธรรมชาติ และถ้าคนสามารถอยู่ร่วมกับโลกและธรรมชาติได้อย่างเกื้อกูลกัน ก็จะทำให้โลกนี้อยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืนและสวยงาม เขาสื่อสารถึงคนนับพันล้านคนทั่วโลก ด้วยช่องทางการสื่อสารทั้งหมดที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปบรรยายและให้คำปรึกษาในที่ต่างๆ การใช้สื่อโซเชียล วิดีโอ บทความในนิตยสารและหนังสือ โดยวิธีที่เขาเชื่อว่าดีที่สุดก็คือ การใช้ตัวเองเป็นตัวอย่าง เพื่อแสดงให้เห็นว่า เขามีชีวิตอยู่ได้อย่างไรและได้สร้างบริษัทที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร มันเป็นไปได้และทำให้ชีวิตง่ายขึ้นด้วย
“มาร์ค” ได้นำเรื่องของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เข้ามาช่วยในกระบวนการผลิตและการบริหารธุรกิจ...ธุรกิจและความยั่งยืนไม่สามารถแยกออกจากกันได้ หากธุรกิจของคุณล้มเหลว นั่นเป็นเพราะคุณไม่ได้หาวัตถุดิบมาอย่างถูกต้อง รวมถึงระบบการขนส่ง พาร์ตเนอร์ ซัพพลายต่างๆ หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่หากคุณนำเรื่องของความยั่งยืนมาเป็นหลักในการทำธุรกิจ นั่นคือการเดินอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง จงนำสิ่งนั้นมาสร้างระบบและโมเดลธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นและยั่งยืนต่อไป
ในบริษัทของ “มาร์ค” มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นเองเป็นแห่งแรก เช่น การทำการเกษตรแนวดิ่ง (Vertical Farming) ด้วยการนำนํ้าฝนมาใช้รดนํ้าต้นไม้ เป็นการทำการเกษตรระบบปิด ที่นำทรัพยากรที่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ มาใช้ในการผลิตอาหาร โดยไม่ต้องกังวลกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปตลอดทั้งปี ทำให้สามารถปลูกผลการผลิตได้ถึง 30 ครั้ง ถ้าเทียบกับการทำการเกษตรแบบดั้งเดิมที่พึ่งพิงธรรมชาติ
เขาบอกว่า ในโลกยุคใหม่ มีกระบวนการผลิตทางเลือกมากมาย ที่ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหาร อันเกิดจากวิธีการทำการเกษตรหรือประมงที่ไม่มีความยั่งยืน เช่น การปลูกพืชควบคู่ไปกับการเลี้ยงปลา (Aquaponics) การทำฟาร์มแนวดิ่ง (Vertical Farming) การทำเนื้อสัตว์เทียม (Memphis Meats) และการผลิตเนื้อสัตว์จากพืช (Plant-Based Meat) เป็นต้น
สำหรับแนวทางการประยุกต์ Circular Economy มาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทยนั้น “มาร์ค” ยกตัวอย่างจากเวที World Economic Forum ที่มีนวัตกรรมเข้ามาเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตอาหารในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ในประเทศไทยได้ เช่น Safety Net เป็นนวัตกรรมอวนที่มีแสงสเปกตรัมเฉพาะที่ถูกออกแบบมาเพื่อดึงดูดประเภทปลาที่ผู้ประกอบการต้องการ ช่วยป้องกันปลาประเภทอื่นที่ไม่ต้องการติดอวนขึ้นมา
ตอนนี้ “มาร์ค” กำหนดเป้าหมายเล็กๆ ของเขาไว้ว่า เขาจะพยายามเข้ามาดิสรัปต์บริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ อาทิ ยูนิลีเวอร์ โคคา-โคลา และอื่นๆ ด้วยนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเขาตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 3 ปี น่าจะได้เห็นผลของความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป้าหมายเล็กๆ ที่เขาตั้งไว้นั้น คือส่วนหนึ่งของเป้าหมายใหญ่ กับความต้องการช่วยให้พันล้านคนทั่วโลก สามารถใช้ไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพและความยั่งยืน (ALOHAS) อย่างเท่าเทียมกัน
หน้า 25 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,408 วันที่ 11 - 13 ตุลาคม พ.ศ. 2561
ฟังดูอาจจะเว่อร์ไปสักนิด ซีอีโอที่ไหน ที่จะมาขับเคลื่อนโลกสู่ความยั่งยืนได้... ใช่ ! คน คนเดียวทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ให้สำเร็จไม่ได้แน่ๆ แต่คนที่มุ่งมั่นผลักดัน ด้วยการแบ่งปันความรู้ เดินสายปลุกความคิดมนุษย์โลกให้ตื่นขึ้นกับความคิดที่ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม ดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน เพียงแค่นี้ ก็ถือว่าได้ช่วยโลกแล้ว
“มาร์ค บัคลี่ย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งของ ANJA GmbH & Co. KG และ ALOHAS ECO-Center ซึ่งเป็น บริษัทผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่ยั่งยืนผลิตพลังงานทดแทนและทรัพยากรที่ไม่มีเชื้อเพลิงฟอสซิล การปล่อยก๊าซเรือนกระจกและของเสีย เขากำลังมุ่งมั่นในการปฏิรูปอุตสาหกรรมการเกษตรอาหารและเครื่องดื่ม เขาพูดถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการปฏิรูปอาหารทั่วโลก โดยการให้คำปรึกษาและแสดงให้ผู้ประกอบการเห็นและสร้างธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นยั่งยืนและสร้างผลกำไรได้
ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน เขาให้คำปรึกษากับบริษัทต่างๆ เกี่ยวกับการปฏิรูประบบหมุนเวียนด้วยความชำนาญในระบบนวัตกรรมรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ สารอินทรีย์ ผลิตภัณฑ์ดิบและมังสวิรัติ และยังมีส่วนในโครงการร่วมระหว่าง EAT และ WBCSD: การปฏิรูปอาหารเพื่อความยั่งยืนและสุขภาพ (FReSH) ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงในระบบอาหารทั่วโลก เพื่อให้ได้อาหารที่อร่อยและมีสุขภาพดี สำหรับทุกคนที่ผลิตขึ้นอย่างมีความรับผิดชอบ
สาเหตุที่ “มาร์ค” ลุกขึ้นมาทำอะไรเช่นนี้ ก็เพราะเขาหนึ่งในพลเมืองของโลกและธรรมชาติ และถ้าคนสามารถอยู่ร่วมกับโลกและธรรมชาติได้อย่างเกื้อกูลกัน ก็จะทำให้โลกนี้อยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืนและสวยงาม เขาสื่อสารถึงคนนับพันล้านคนทั่วโลก ด้วยช่องทางการสื่อสารทั้งหมดที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปบรรยายและให้คำปรึกษาในที่ต่างๆ การใช้สื่อโซเชียล วิดีโอ บทความในนิตยสารและหนังสือ โดยวิธีที่เขาเชื่อว่าดีที่สุดก็คือ การใช้ตัวเองเป็นตัวอย่าง เพื่อแสดงให้เห็นว่า เขามีชีวิตอยู่ได้อย่างไรและได้สร้างบริษัทที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร มันเป็นไปได้และทำให้ชีวิตง่ายขึ้นด้วย
“มาร์ค” ได้นำเรื่องของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เข้ามาช่วยในกระบวนการผลิตและการบริหารธุรกิจ...ธุรกิจและความยั่งยืนไม่สามารถแยกออกจากกันได้ หากธุรกิจของคุณล้มเหลว นั่นเป็นเพราะคุณไม่ได้หาวัตถุดิบมาอย่างถูกต้อง รวมถึงระบบการขนส่ง พาร์ตเนอร์ ซัพพลายต่างๆ หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่หากคุณนำเรื่องของความยั่งยืนมาเป็นหลักในการทำธุรกิจ นั่นคือการเดินอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง จงนำสิ่งนั้นมาสร้างระบบและโมเดลธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นและยั่งยืนต่อไป
ในบริษัทของ “มาร์ค” มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นเองเป็นแห่งแรก เช่น การทำการเกษตรแนวดิ่ง (Vertical Farming) ด้วยการนำนํ้าฝนมาใช้รดนํ้าต้นไม้ เป็นการทำการเกษตรระบบปิด ที่นำทรัพยากรที่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ มาใช้ในการผลิตอาหาร โดยไม่ต้องกังวลกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปตลอดทั้งปี ทำให้สามารถปลูกผลการผลิตได้ถึง 30 ครั้ง ถ้าเทียบกับการทำการเกษตรแบบดั้งเดิมที่พึ่งพิงธรรมชาติ
เขาบอกว่า ในโลกยุคใหม่ มีกระบวนการผลิตทางเลือกมากมาย ที่ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหาร อันเกิดจากวิธีการทำการเกษตรหรือประมงที่ไม่มีความยั่งยืน เช่น การปลูกพืชควบคู่ไปกับการเลี้ยงปลา (Aquaponics) การทำฟาร์มแนวดิ่ง (Vertical Farming) การทำเนื้อสัตว์เทียม (Memphis Meats) และการผลิตเนื้อสัตว์จากพืช (Plant-Based Meat) เป็นต้น
สำหรับแนวทางการประยุกต์ Circular Economy มาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทยนั้น “มาร์ค” ยกตัวอย่างจากเวที World Economic Forum ที่มีนวัตกรรมเข้ามาเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตอาหารในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ในประเทศไทยได้ เช่น Safety Net เป็นนวัตกรรมอวนที่มีแสงสเปกตรัมเฉพาะที่ถูกออกแบบมาเพื่อดึงดูดประเภทปลาที่ผู้ประกอบการต้องการ ช่วยป้องกันปลาประเภทอื่นที่ไม่ต้องการติดอวนขึ้นมา
ตอนนี้ “มาร์ค” กำหนดเป้าหมายเล็กๆ ของเขาไว้ว่า เขาจะพยายามเข้ามาดิสรัปต์บริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ อาทิ ยูนิลีเวอร์ โคคา-โคลา และอื่นๆ ด้วยนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเขาตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 3 ปี น่าจะได้เห็นผลของความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป้าหมายเล็กๆ ที่เขาตั้งไว้นั้น คือส่วนหนึ่งของเป้าหมายใหญ่ กับความต้องการช่วยให้พันล้านคนทั่วโลก สามารถใช้ไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพและความยั่งยืน (ALOHAS) อย่างเท่าเทียมกัน
หน้า 25 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,408 วันที่ 11 - 13 ตุลาคม พ.ศ. 2561
