ค่ายมือถือเดือด! ผนึกเชนสโตร์ เผด็จศึกคู่แข่ง

09 ต.ค. 2561 | 04:58 น.
091061-1143

สงครามมือถือเดือด! เมื่อบิ๊กเนมอาศัยจุดแข็ง เปิดหน้าจับคู่ทำธุรกิจสกัดคู่แข่ง หวังใช้แขนขาต่อยอดรายได้ วงในชี้ผลประโยชน์ WIN WIN

ดีกรีการแข่งขันโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ 3 ค่ายมือถือ ได้แก่ เอไอเอส-ทรูมูฟ เอช และดีแทค ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผลัดกันรุกและรับ เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาด

แต่คู่ที่เป็น 'คู่กัด' ทางธุรกิจและถือว่าเป็นมวยถูกคู่ คงหนีไม่พ้น 'เอไอเอส' ถูก 'ซีพี ออลล์' ถือหุ้นด้วยเครือเจริญโภคภัณฑ์และเป็นผู้ถือหุ้นในกลุ่มทรู ตัดสัมพันธ์ทางธุรกิจ ด้วยการยุติจำหน่าย 'ซิมการ์ด' บัตรเติมเงินวัน-ทู-คอล และชำระบิลค่าโทรศัพท์ของเอไอเอสผ่านร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่มีทั้งหมดกว่า 9 พันสาขา ด้วยเหตุผลขอปรับส่วนแบ่งการขายจาก 5% เป็น 7%


091061-1144

แม้จะโดนตัดช่องทาง แต่เอไอเอสออกมาเปิดเผยว่า ไม่มีผลกระทบ เพราะมีช่องทางการเติมเงินกว่า 5 แสนแห่งทั่วประเทศ เพราะด้วยช่องทางเป็นตัวแปรสำคัญในการเข้าถึง เชนสโตร์จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการต่อยอด

การเมืองยังเลือกข้าง แล้วธุรกิจจะเลือกข้างบ้างก็ไม่น่าประหลาดใจ เพราะบริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) เลือกข้างที่จะมาอยู่กับเอไอเอส แบบเอ็กซ์คลูซีฟ พาร์ตเนอร์ ด้วยการยกเลิกจดทะเบียนและจำหน่าย 'ซิมการ์ด' โทรศัพท์เคลื่อนที่ให้กับผู้ประกอบการ 2 ราย คือ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค และทรูมูฟ เอช ในกลุ่มทรู ผ่านเจมาร์ทช็อป 240 สาขาทั่วประเทศ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2561 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) ออกมาให้เหตุผลว่า เจมาร์ทมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการปีละกว่า 1 ล้านราย นอกจากนี้ ยังมีส่วนที่เป็น IT Junction (ไอทีจังก์ชัน) ที่บริหารงานภายใต้ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ในพื้นที่ห้างบิ๊กซีกว่า 51 สาขา และมีตัวแทนจำหน่ายจำนวน 1,500 ราย และมีบริษัทในเครือ คือ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ซิงเกอร์ ภายในสิ้นปีนี้ เปิดครบ 1,000 แห่ง และครบ 6,000 แห่ง ภายในเวลา 3 ปีอีกด้วย

 

[caption id="attachment_330183" align="aligncenter" width="503"] อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน)[/caption]

สัดส่วนรายได้ที่ผ่านมา แบ่งเป็น เอไอเอส 40% , ทรู 30% และดีแทค 30% หลังจากประกาศความร่วมมือแล้ว สัดส่วนรายได้จะมาจากเอไอเอส 100% โดยตั้งเป้าว่า เอไอเอสจะสามารถดึงส่วนแบ่งลูกค้าจากอีก 2 ค่ายมาได้

"ดีลครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่เปลี่ยนจากแนวคิดเดิม คือ "เจมาร์ทจะต้องไม่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ" มาเป็นเอ็กซ์คลูซีฟพาร์ตเนอร์ ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนลูกค้า 3 เท่า เป็นวันที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น สำหรับเจมาร์ทถือว่าเป็น "ดีลแห่งศตวรรษ" ที่จะทำให้เจมาร์ทและเอไอเอสเติบโตไปด้วยกัน" นายอดิศักดิ์ กล่าว

ส่วนทรูมูฟ เอช นั้น ก่อนหน้านี้ได้เลือกคอมเซเว่นเป็นพันธมิตรทางธุรกิจแบบเอ็กซ์คลูซีฟเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอที ในนาม BaNANA, Studio7, BKK, iCare และ Brand Shop เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ปัจจุบันบริษัทเป็นพันธมิตรกับทรู เนื่องจากว่า มีร้านทรูช้อป จำนวน 100 สาขา ดังนั้น ทรูจึงได้แต่งตั้งเป็นพันธมิตรบริหารจัดการ

ส่วนทางด้านดีแทค หรือ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ปรับยุทธศาสตร์ช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ จากเดิมที่ทำตลาดร่วมกับแฟรนไชนส์ เปลี่ยนรูปแบบบริหารจัดการด้วยตัวเองและร่วมมือกับตัวแทนจำหน่าย


15-3407-091061-1138

ขณะที่ แหล่งข่าวจากวงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีที่เชนสโตร์มือถือและโอเปอเรเตอร์จับมือเป็นพันธมิตรในลักษณะเอ็กซ์คลูซีฟพาร์ตเนอร์ เนื่องจากว่า ผลประโยชน์ที่ได้รับทั้ง 2 ฝ่าย เป็นรูปแบบ WIN WIN ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ สำหรับการแข่งขันของอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ช่องทางการจำหน่ายเป็นเรื่องสำคัญ

สำหรับช็อปมือถือที่ให้บริการในปัจจุบัน ประกอบด้วย AIS จำนวน 480 สาขา, TRUE 400 สาขา, DTAC 447 สาขา, Jmart 240 สาขา และ COM7 จำนวน 434 สาขา เป็นต้น


……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,407 วันที่ 7 - 10 ต.ค. 2561 หน้า 01+15

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ค่ายมือถือเปิดศึกคลื่น 1800 อัดแคมเปญลดราคาสมาร์ทโฟน
ค่ายมือถือเกทับเน็ตเร็วสูง! 2 ค่าย แข่งอัดแคมเปญแย่งลูกค้า


เพิ่มเพื่อน
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว