AREAชี้บ้านรอขายกว่า1.8แสนหน่วยค่ากว่า7แสนล้าน
AREAชี้บ้านรอขายกว่า1.8แสนหน่วยค่ากว่า7แสนล้าน
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย และบจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เผยว่า ณ กลางปี 2561 เฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีบ้านรอขายซึ่งเป็นทั้งบ้านแนวราบและห้องชุดที่อยู่ในมือของผู้ประกอบการจำนวน 180,635 หน่วย รวมมูลค่าสูงถึง 768,454 ล้านบาท เฉลี่ยหน่วยละ 4.199 ล้านบาท บ้านเหล่านี้ไม่ใช่ขายไม่ออก เพียงแต่ ณ วันสำรวจ ยังไม่พบกับมีการซื้อขาย
จากการคาดการณ์ของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยได้ข้อสังเกตสำคัญว่า
1. สินค้าทั้งหมดนี้จะขายหมดได้ในเวลาประมาณ 23 เดือน หากไม่มีอุปทานใหม่ๆ เกิดขึ้นเลย ทั้งนี้พิจารณาอัตราการขายได้ในแต่ละเดือนของสินค้าแต่ละประเภท
2. หากตัดกลุ่มนักเก็งกำไร (15%) และกลุ่มชาวต่างประเทศ (20%) ออกไป การขายอาจช้าลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยคาดว่าอาจจะช้าลงไปอีก 1 ปีหรือราว 12 เดือน กรณีนี้อาจทำให้กระแสเงินสดของบริษัทพัฒนาที่ดินและสถาบันการเงินได้รับผลกระทบในระยะสั้นได้
3. กรณีบ้านเดี่ยว สินค้าที่น่าเป็นห่วงกลับเป็นบ้านเดี่ยวราคา 2-3 ล้านบาท ซึ่งแม้จะมีเหลือเพียง 1,462 หน่วย แต่คาดว่าจะขายหมดในเวลาถึง 92 เดือน ซึ่งถือว่าการขายอืดมาก ทั้งนี้ส่วนหนึ่งคงเป็นสินค้าที่มีคุณภาพไม่ดีนัก อย่างไรก็ตามบ้านเดี่ยวราคา 10-20 ล้านบาท ซึ่งมีเหลืออยู่ 3,686 หน่วย แต่คาดว่าจะขายหมดเร็วมากคือ 28 เดือนเท่านั้น
4. กรณีบ้านแฝด คล้ายบ้านเดี่ยว คือ ณ ระดับราคา 5-10 ล้านบาท ซึ่งมีเหลืออยู่ 1,259 หน่วย จะขายดีเป็นพิเศษ โดยคาดว่าภายใน 15 เดือน จะขายหมด
5. กรณีทาวน์เฮาส์ ทาวน์เฮาส์ระดับราคา 2-3 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท ขายดีมากเป็นพิเศษ โดยจะขายหมดในเวลาไม่เกิน 27 เดือนข้างหน้า แต่ทาวน์เฮาส์ราคา 5-10 ล้านบาท ซึ่งยังเหลืออยู่ 1,410 หน่วยนั้น อาจขายหมดในเวลาอีก 44 เดือนข้างหน้า แสดงว่าเป็นสินค้าที่น่าเป็นห่วง
6. กรณีตึกแถวหรืออาคารพาณิชย์ พบว่า แม้มีจำนวนไม่มากนัก แต่ก็น่าสนใจที่ตึกแถวราคา 3-5 ล้านบาท ซึ่งมีเหลืออยู่มากที่สุดคือ 2,706 หน่วย กลับจะขายได้หมดภายในเวลาเพียง 22 เดือนเท่านั้น แสดงว่าเป็นกลุ่มที่มีความต้องการมากเป็นพิเศษ
7. กลุ่มที่น่าจับตามากที่สุดก็คือห้องชุดซึ่งมีอยู่ 69,936 หน่วยที่ยังรอการขายอยู่ โดยคาดว่าจะขายหมดได้ในเวลาไม่เกิน 17 เดือน ซึ่งถือว่าเร็วมาก โดยกลุ่มที่จะขายได้เร็วที่สุด คือ ห้องชุดราคา 3-10 ล้านบาทซึ่งเป็นกลุ่มที่ต่างชาติและผู้เก็งกำไรซื้อมากที่สุด จะหมดในเวลาเพียง 12 เดือนเท่านั้น แต่ถ้ามีมาตรการจากทางราชการ ก็อาจทำให้ขายช้าลง โดยคาดว่าจะช้าลงโดยแทนที่จะหมดในเวลา 12 เดือน อาจหมดในเวลา 20 เดือนแทน ผู้ประกอบการอาคารชุดกลุ่มนี้จึงพึงระวังเป็นพิเศษ
8. ส่วนห้องชุดราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท กลับขายได้ยากมาก ซึ่งเป็นถึง 32 เดือน ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจของประเทศไม่ดี จึงทำให้ไม่มีผู้ซื้อบ้านกลุ่มนี้มากนักทั้งที่ผู้มีรายได้น้อยมีเป็นจำนวนมากก็ตาม
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย และบจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เผยว่า ณ กลางปี 2561 เฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีบ้านรอขายซึ่งเป็นทั้งบ้านแนวราบและห้องชุดที่อยู่ในมือของผู้ประกอบการจำนวน 180,635 หน่วย รวมมูลค่าสูงถึง 768,454 ล้านบาท เฉลี่ยหน่วยละ 4.199 ล้านบาท บ้านเหล่านี้ไม่ใช่ขายไม่ออก เพียงแต่ ณ วันสำรวจ ยังไม่พบกับมีการซื้อขาย
จากการคาดการณ์ของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยได้ข้อสังเกตสำคัญว่า
1. สินค้าทั้งหมดนี้จะขายหมดได้ในเวลาประมาณ 23 เดือน หากไม่มีอุปทานใหม่ๆ เกิดขึ้นเลย ทั้งนี้พิจารณาอัตราการขายได้ในแต่ละเดือนของสินค้าแต่ละประเภท
2. หากตัดกลุ่มนักเก็งกำไร (15%) และกลุ่มชาวต่างประเทศ (20%) ออกไป การขายอาจช้าลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยคาดว่าอาจจะช้าลงไปอีก 1 ปีหรือราว 12 เดือน กรณีนี้อาจทำให้กระแสเงินสดของบริษัทพัฒนาที่ดินและสถาบันการเงินได้รับผลกระทบในระยะสั้นได้
3. กรณีบ้านเดี่ยว สินค้าที่น่าเป็นห่วงกลับเป็นบ้านเดี่ยวราคา 2-3 ล้านบาท ซึ่งแม้จะมีเหลือเพียง 1,462 หน่วย แต่คาดว่าจะขายหมดในเวลาถึง 92 เดือน ซึ่งถือว่าการขายอืดมาก ทั้งนี้ส่วนหนึ่งคงเป็นสินค้าที่มีคุณภาพไม่ดีนัก อย่างไรก็ตามบ้านเดี่ยวราคา 10-20 ล้านบาท ซึ่งมีเหลืออยู่ 3,686 หน่วย แต่คาดว่าจะขายหมดเร็วมากคือ 28 เดือนเท่านั้น
4. กรณีบ้านแฝด คล้ายบ้านเดี่ยว คือ ณ ระดับราคา 5-10 ล้านบาท ซึ่งมีเหลืออยู่ 1,259 หน่วย จะขายดีเป็นพิเศษ โดยคาดว่าภายใน 15 เดือน จะขายหมด
5. กรณีทาวน์เฮาส์ ทาวน์เฮาส์ระดับราคา 2-3 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท ขายดีมากเป็นพิเศษ โดยจะขายหมดในเวลาไม่เกิน 27 เดือนข้างหน้า แต่ทาวน์เฮาส์ราคา 5-10 ล้านบาท ซึ่งยังเหลืออยู่ 1,410 หน่วยนั้น อาจขายหมดในเวลาอีก 44 เดือนข้างหน้า แสดงว่าเป็นสินค้าที่น่าเป็นห่วง
6. กรณีตึกแถวหรืออาคารพาณิชย์ พบว่า แม้มีจำนวนไม่มากนัก แต่ก็น่าสนใจที่ตึกแถวราคา 3-5 ล้านบาท ซึ่งมีเหลืออยู่มากที่สุดคือ 2,706 หน่วย กลับจะขายได้หมดภายในเวลาเพียง 22 เดือนเท่านั้น แสดงว่าเป็นกลุ่มที่มีความต้องการมากเป็นพิเศษ
7. กลุ่มที่น่าจับตามากที่สุดก็คือห้องชุดซึ่งมีอยู่ 69,936 หน่วยที่ยังรอการขายอยู่ โดยคาดว่าจะขายหมดได้ในเวลาไม่เกิน 17 เดือน ซึ่งถือว่าเร็วมาก โดยกลุ่มที่จะขายได้เร็วที่สุด คือ ห้องชุดราคา 3-10 ล้านบาทซึ่งเป็นกลุ่มที่ต่างชาติและผู้เก็งกำไรซื้อมากที่สุด จะหมดในเวลาเพียง 12 เดือนเท่านั้น แต่ถ้ามีมาตรการจากทางราชการ ก็อาจทำให้ขายช้าลง โดยคาดว่าจะช้าลงโดยแทนที่จะหมดในเวลา 12 เดือน อาจหมดในเวลา 20 เดือนแทน ผู้ประกอบการอาคารชุดกลุ่มนี้จึงพึงระวังเป็นพิเศษ
8. ส่วนห้องชุดราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท กลับขายได้ยากมาก ซึ่งเป็นถึง 32 เดือน ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจของประเทศไม่ดี จึงทำให้ไม่มีผู้ซื้อบ้านกลุ่มนี้มากนักทั้งที่ผู้มีรายได้น้อยมีเป็นจำนวนมากก็ตาม
