ศาลฎีการวมสำนวนบ้านเอื้ออาทร "วัฒนา-อริสมันต์" ออกหมายจับ 4 ราย!!

05 ต.ค. 2561 | 08:20 น.
ศาลฎีกานักการเมืองรวมคดีบ้านเอื้ออาทร "วัฒนา-อริสมันต์" ออกหมายจับ 2 พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์ฯ "กรองทอง วงศ์แก้ว-รุ่งเรือง ขุนปัญญา" พ่วงผู้มีอำนาจกระทำการแทน 2 บริษัท "พาสทิญ่าไทย-นามแฟทท์ คอนสตรัคชั่นฯ" นัดตรวจพยานหลักฐาน 12 ก.พ. 2562

 

[caption id="attachment_328582" align="aligncenter" width="335"] วัฒนา1 วัฒนา เมืองสุข[/caption]

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 5 ต.ค. 2561 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลนัดพิจารณาครั้งแรกในคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ หมายเลขดำ อม.42/2561 ที่ อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , นายมานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีตกรรมการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และอดีตประธานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการ ปี 2548–2549

นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) , นายอภิชาติ หรือ เสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร , นางสาวรัตนา แซ่เฮ้ง ลูกน้องคนสนิทเสี่ยเปี๋ยง , นางสาวกรองทอง วงศ์แก้ว พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด , นางสาวรุ่งเรือง ขุนปัญญา พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์ฯ , บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด โดยนายปกรณ์ อัศวีนารักษ์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน และบริษัท ซิลเวอร์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท ไทย เฉน หยู อินเตอร์เนชั่นแนลคอนสตรัคชั่น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) โดยนางพิมพ์วรา รัชต์ธนโรจน์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนเป็นจำเลยที่ 1-9 ตามลำดับ

ในความผิดเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา 157, ฐานเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ โดยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6 , 11 และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 91

และคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรหมายเลขดำ อม.102/2561 ที่ อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย , บริษัท พาสทิญ่าไทย จำกัด , บริษัท นามแฟทท์ คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท พรินซิพเทค ไทย จำกัด และนางสาวสุภาวิดา คงสุข กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทน บริษัท ไทยเฉนหยูฯ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายวัฒนา อดีต รมว.พม. ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่ตนเองหรือผู้อื่น และสนับสนุนนายมานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีต กคช. ซึ่งเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86, 91

 

[caption id="attachment_328583" align="aligncenter" width="289"] อริสมันต์ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง[/caption]

โดยในวันนี้ นายวัฒนาและนายอริสมันต์ พร้อมพวกจำเลยที่ได้รับการประกันตัว และทนายความ ส่วนใหญ่เดินทางมาศาล เบิกตัว นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 4 และนางสาวรัตนา แซ่เฮ้ง จำเลยที่ 5 ซึ่งถูกจำคุกในคดีทุจริตโครงการระบายข้าวจีทูจีจากเรือนจำมาศาล ส่วนนางสาวกรองทอง วงศ์แก้ว จำเลยที่ 6 , น.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา จำเลยที่ 7 ในสำนวน อม.42/2561 กับ บริษัท พาสทิญ่าไทย จำกัด จำเลยที่ 2 , บริษัท นามแฟทท์ คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด จำเลยที่ 3 ในสำนวน อม.102/2561 ไม่มาศาล

คดีนี้อัยการสูงสุดฟ้องนายวัฒนา จำเลยที่ 1 ว่า ขณะดำรงตำแหน่ง รมว.พม. ได้ร่วมมือกับจำเลยอื่นแทรกแซงการจัดซื้อจัดจ้างโครงการบ้านเอื้ออาทรไม่เป็นไปโดยชอบ ศาลอธิบายฟ้องและสอบถามจำเลยแล้ว จำเลยที่มาศาลทั้งหมดให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ไม่มาศาลให้ถือว่าให้การปฏิเสธและอัยการได้ขอให้รวมสำนวนคดี อม.42/2561 กับ อม.102/2561 เข้าเป็นคดีเดียวกัน เนื่องจากข้อเท็จจริงพยานหลักฐานเป็นชุดเดียวกัน ศาลสอบถามจำเลยแล้ว จำเลยไม่คัดค้าน

ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ในคดี อม.102/2561 บริษัท พาสทิญ่าไทย จำกัด จำเลยที่ 2 และบริษัท นามแฟทท์ คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นนิติบุคคล ได้รับหมายเรียกโดยชอบแล้ว ไม่มีผู้แทนมาศาล จึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 ให้ออกหมายจับผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 2-3

ส่วนที่โจทก์ยื่นคำร้องขอรวมสำนวนคดี เนื่องจากจำเลยมีพฤติการณ์ร่วมกันตามที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งต่อศาลแล้ว มีข้อเท็จจริงพยานหลักฐานเป็นชุดเดียวกัน เพื่อความสะดวกในการพิจารณา อนุญาตให้รวมคดีเข้ากับสำนวน อม.42/2561

สำหรับคดี อม.42/2561 นางสาวกรองทอง วงศ์แก้ว พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด จำเลยที่ 6 และนางสาวรุ่งเรือง ขุนปัญญา พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์ฯ จำเลยที่ 7 ไม่มาศาล ถือว่าให้การปฏิเสธ อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 ให้ออกหมายจับจำเลยที่ 6-7 และตามที่โจทก์ขอรวมคดีกับสำนวน อม.102/2561 เพื่อสะดวกแก่การพิจารณาอนุญาตให้รวมคดี โจทก์และจำเลย คือ อัยการสูงสุด กับจำเลยที่ 1-9 โดยจำเลยที่ 1-5 ในสำนวน อม.102/2561 ให้นับเป็นจำเลยที่ 10-14 ในคดี อม.42/2561 ตามลำดับ พร้อมกำชับให้จำเลยที่จะยื่นคำให้การปฏิเสธเป็นลายลักษณ์อักษร ให้ยื่นภายใน 30 วัน ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานต่อไปในวันที่ 12 , 15 ก.พ. 2562 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก่อสร้างแห่งใหม่ที่สนามหลวง เขตพระนคร

ทั้งนี้ ศาลได้ชี้แจงเหตุผลด้วยว่า ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 การพิจารณาลับหลังจำเลยที่หลบหนีและไม่สามารถติดตามตัวได้ ต้องผ่านพ้นไปแล้ว 3 เดือน เพื่อการพิจารณาคดีจะได้ดำเนินไปพร้อมกันจึงนัดตรวจพยานหลักฐานในวันดังกล่าว

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว