ไทยเบฟ สยายปีกคลุมอาเซียน มั่นใจผู้นำเครื่องดื่มครบวงจรระดับโลกในปี 2020

03 ต.ค. 2561 | 15:21 น.
 

“ไทยเบฟ” เดินหน้าขยายเครือข่ายเชื่อมโยงทุกมิติ เปิดแผนปี 62  สยายปีกคลุมภูมิภาคอาเซียน  พร้อมขึ้นผู้นำเครื่องดื่มครบวงจรระดับโลก  ตามวิสัยทัศน์ 2020

ถ่ายภาพร่วมกัน2

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเบียร์ นำทีมผู้บริหารระดับสูง ประกอบด้วย นายประภากร ทองเทพไพโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจสุรา และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มบริหารช่องทางการจำหน่าย  นายโฆษิต  สุขสิงห์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจต่อเนื่องรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และ นายเบนเนท เนียว กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทไซ่ง่อนเบียร์-แอลกอฮอล์-เบฟเวอเรจ จ๊อยซ์สต๊อก คอร์ปอเรชั่น (ซาเบโก้)

นายลี เม็ง ตัท ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และกรรมการผู้อำนวยการ ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์   เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ,ลิมิเต็ด (เอฟแอนด์เอ็น)  นายเลสเตอร์ เต็ก ชวน ตัน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮออล์ ประเทศไทย นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล  ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหารประเทศไทย  นายเอ็ดมอนด์ เนียว คิม ซูน  รองผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มบริหารการลงทุนตราสินค้า และ ดร. เอกพล ณ สงขลา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มทรัพยากรบุคคล ร่วมนำเสนอแผนธุรกิจตามวิสัยทัศน์ 2020 ในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรระดับโลก

คุณฐาปน 2 _resize

ฐาปน สิริวัฒนภักดี

 

โดยนายฐาปน  กล่าวว่า ในปีนี้ไทยเบฟได้รวมธุรกิจเบียร์อันดับหนึ่งของประเทศเวียดนาม และสุราอันดับหนึ่งของประเทศเมียนมา เข้ามาอยู่ในกลุ่มบริษัทซึ่งทั้ง 2 ประเทศเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน ภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดภูมิภาคหนึ่งของโลก เข้ามาอยู่ในกลุ่มบริษัทของเรา ผลงานในปีที่ผ่านมาเป็นการตอกย้ำความสำเร็จอันเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะบรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ 2020

ทั้งนี้วิสัยทัศน์ 2020 เป็นแผนดำเนินการระยะ 6 ปี ที่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558  โดยกลยุทธ์ทั้ง  5 ประกอบด้วย Growth คือการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ Diversity ความหลากหลายของสินค้าและตลาด Brand การมีตราสินค้าที่โดนใจ Reach การกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง Professionalism ความเป็นมืออาชีพด้วยการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร และผลักดันศักยภาพของพวกเราทุกคน เรามั่นใจในความพร้อมอย่างครบถ้วนทั้งเรื่องคน เรื่องทุน และสินค้า

S__5021728_resize

“ในปีหน้าไทยเบฟมีความพร้อมที่จะทุ่มเทศักยภาพที่มีอยู่ในทุกด้าน ในการสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่อง เครือข่ายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนของไทยเบฟ สามารถรวมพลังเพื่อสร้างสรรค์ และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโตให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน การขยายธุรกิจของกลุ่มไทยเบฟ จะเป็นไปอย่างรอบคอบระมัดระวัง  โดยไทยเบฟมุ่งสู่การเป็นผู้นำทางด้านเครื่องดื่มครบวงจรของอาเซียน  พร้อมจะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ที่ใส่ใจด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับโลกด้วย”

คุณประภากร1

นายประภากร ทองเทพไพโรจน์  รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจสุรา และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มบริหารช่องทางการจำหน่าย  กล่าวว่า   ธุรกิจสุราในประเทศไทยถือว่าสามารถทําได้ดีเมื่อเทียบกับในสถานการณ์ปัจจุบัน และบริษัทยังสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ได้ดี             มีการพัฒนาสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดสุราพร้อมดื่ม สําหรับผู้บริโภคกลุ่มใหม่ เช่น สตาร์ คูลเลอร์ และคูลอฟ แมกซ์ เซเว่น นอกจากนี้มีการส่งออกสุรารวงข้าวซิลเวอร์  ซึ่งเป็นสินค้าใหม่ไปยังประเทศเวียดนาม และเกาหลีใต้  โดยในส่วนของตลาดต่างประเทศ บริษัทเข้าไปลงทุน 75% ในกลุ่ม  Grand Royal Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสุรา Grand Royal Whisky ประเทศเมียนมา และล่าสุดยังได้เข้าร่วมลงทุน 51% ในกลุ่ม Asiaeuro International Beverage   ซึ่งเป็นบริษัทจัดจําหน่ายสินค้าเครื่องดื่มต่าง ๆ โดยเฉพาะสุราพรีเมียมจากสก็อตแลนด์ และฝรั่งเศสด้วย

มร.เอ็ดมอนด์

นายเอ็ดมอนด์ เนียว คิมซูน รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มบริหารการลงทุนตราสินค้า ซึ่งดูแลกลุ่มธุรกิจเบียร์  กล่าวว่า “ภารกิจของกลุ่มธุรกิจเบียร์ยังดำเนินการสอดคล้องภายใต้ Vision 2020 ในด้านของแบรนด์ช้างเอง ได้เพิ่มความแข็งแกร่งในการสร้างแบรนด์มากขึ้น ทั้งด้านของตัวผลิตภัณฑ์และกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลาย เพื่อที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้ได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบรับกับความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกปี ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดตัวได้แก่  แทปเปอร์ ((Tapper) เบียร์แอลกอฮอล์สูง ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และกำลังจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง เฟเดอร์บรอย ไวส์เซน เบียร์ ((Federbräu Weissbier) วีทเบียร์ พรีเมี่ยมสไตล์เยอรมัน รวมถึงกิจกรรมการตลาดที่จะมาสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้บริโภค

มร.เบนเนท

นายเบนเนท เนียว กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทไซ่ง่อนเบียร์-แอลกอฮอล์-เบฟเวอเรจ จ๊อยซ์สต๊อก   คอร์ปอเรชั่น (ซาเบโก้) กล่าวว่า  หลังจากที่ธุรกิจของซาเบโก้รวมกลุ่มกับไทยเบฟกรุ๊ป ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ  ทำให้กลุ่มธุรกิจเบียร์ซาเบโก้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว และวัฒนธรรมการดื่มเบียร์ที่แข็งแรง พร้อมสนับสนุนในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ 2020 ของไทยเบฟ  ซาเบโก้เชื่อว่าธุรกิจจะยิ่งแข็งแกร่ง เพราะมีตราสินค้าที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานอย่าง ไซง่อนเบียร์

มร.ลี เม็ง ตัท

นาย ลี เม็ง ตัท ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และกรรมการผู้อำนวยการ                     ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ, ลิมิเต็ด (เอฟแอนด์เอ็น)   กล่าวว่า ตลาดเครื่องดื่ม ไม่มีแอลกอฮอล์มีการแข่งขันสูง แต่กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยเบฟเวอเรจยังสามารถสร้างผลประกอบการที่ดีในตลาดที่ดำเนินธุรกิจ และเพื่อบรรลุเป้าหมายวิสัยทัศน์ 2020  บริษัทเน้นการดำเนินงานใน 2 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1. ขับเคลื่อนตลาดด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำและสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์ในเครือ โดยมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกปีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน 2. ขยายช่องทางการดำเนินธุรกิจและผลักดันสินค้าออกสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสให้กับกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยเบฟเวอเรจในภาพรวม

คุณนงนุช

นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล  ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร                     ประเทศไทย  กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจอาหารเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มบริษัทไทยเบฟ         แม้ในปีที่ผ่านมา ต้องเผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านการแข่งขันในตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ยังสามารถขับเคลื่อนธุรกิจอาหารให้เดินหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง ทั้งในกลุ่มโออิชิ ที่สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำด้านธุรกิจอาหารญี่ปุ่นไว้ได้ และยังเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง  ขณะเดียวกัน บริษัทเข้าซื้อกิจการร้านเคเอฟซี ซึ่งเป็นแบรนด์ร้านอาหารที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในประเทศไทย จำนวน 252 สาขา ในนามบริษัท The QSR of Asia รวมทั้งการร่วมลงทุน 76% ในกลุ่มร้านอาหารไทย Spice of Asia ภายใต้การบริหารที่เน้นประสิทธิภาพและกลยุทธ์การสร้างสรรค์ที่โดดเด่นและแตกต่าง จึงส่งผลให้เราเติบโตแบบก้าวกระโดด ขึ้นแท่นหนึ่งในผู้นำธุรกิจอาหารในประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่การเติบโตตามเป้าหมายวิสัยทัศน์ 2020

คุณโฆษิต

ด้านนายโฆษิต สุขสิงห์ ผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ ประเทศไทย และรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ ประเทศไทย และผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง  กล่าวว่า  กลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง มุ่งเน้นโครงการพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าและการบริหารจัดการทางด้านซัพพลายเชนของบริษัท โดยในปีนี้บริษัทสามารถเปิดศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาคตามตำแหน่งยุทธศาสตร์ได้ตามแผนงาน และยังร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความชำนาญทางบริหารจัดการทางด้าน cold chain ในระดับโลก ดำเนินการพัฒนาโครงข่ายการกระจายสินค้าทางด้าน cold chain เพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มธุรกิจอาหารของบริษัท

นอกจากนี้ ยังสามารถนำเทคโนโลยีที่บริษัทได้ดำเนินการพัฒนาในช่วงที่ผ่านมา มาขยายผลและต่อยอดให้กับพันธมิตรและคู่ค้าของบริษัทเพื่อประโยชน์ที่สูงสุด โดยมีโครงการ digital transformation เป็นแกนกลางในการผลักดันศักยภาพของพนักงานและคู่ค้าให้เข้าถึงและสามารถที่จะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการบริหารจัดการโลจิสติกอย่างครบวงจร ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค