"สิทธิผล วีแคร์" ส่งเสริมการศึกษาสู่บ้านเกิด
"Local Hero" กลับคืนถิ่นเพื่อน้อง ... สิทธิผล วีแคร์ จัดทริปแห่งความสุข พาตัวแทนพนักงานกลุ่มสิทธิผลกลับไปทำความดีตอบแทนคุณสถานศึกษาในบ้านเกิด นำฮีโร่ตัวจริงร่วมทริปไปทำกิจกรรมด้วย อย่าง คมสันติ การสุวรรณ์ พนักงานสังกัดคลังสินค้า ศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านมะหรี่ (ศิริวิทยาคาร) ที่ตั้งอยู่ไกลถึง จ.ร้อยเอ็ด เป็นผู้ร่วมมอบชุดคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์กีฬาชนิดต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ให้แก่น้อง ๆ โดยมี วิชัย ภาโนมัย รักษาการแทนผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นตัวแทนรับมอบ ณ โรงเรียนบ้านมะหรี่ (ศิริวิทยาคาร) อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
วิชัย กิ่งชา ผู้อำนวยการโครงการกลุ่มสิทธิผล วีแคร์ กล่าวว่า กลุ่มสิทธิผล วีแคร์ เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาการศึกษาของเยาวชนไทยเป็นอย่างมาก จึงเกิดแนวคิดจัดตั้งโครงการ "Local Hero" กลับคืนถิ่นเพื่อน้องขึ้น ในปี 2552 โดยมีวัตถุประสงค์ให้พนักงานในองค์กรได้มีโอกาสกลับไปตอบแทนโรงเรียนที่เคยเล่าเรียนมา ผ่านกิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น มอบชุดคอมพิวเตอร์, มอบอุปกรณ์กีฬา, มอบอุปกรณ์ห้องสมุด ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการกระตุ้นการทำดีต่อสังคม และสร้างความภาคภูมิใจให้เกิดแก่ตัวพนักงานในฐานะเป็นผู้ให้
ล่าสุด สิทธิผล วีแคร์ ได้เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านมะหรี่ (ศิริวิทยาคาร) จ.ร้อยเอ็ด สถานศึกษาในเขตพื้นที่ห่างไกล ที่ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนการสอน ในกิจกรรมนอกจากจะได้เห็นความผูกพันระหว่างลูกศิษย์และคุณครูที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ทุกคนยังได้สร้างความประทับใจร่วมกันกับน้อง ๆ ที่ต่างมารอรับสิ่งของด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทั้งยังได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านตามถิ่นทุรกันดารที่สมควรนำมาเป็นแบบอย่างอีกด้วย อาทิ การรักษาระเบียบวินัยในการขับขี่รถบนถนน ที่ถึงแม้เส้นทางจะชำรุดเสียหายจากสาเหตุน้ำป่าไหลหลาก แต่ชาวบ้านก็ยังยึดหลักขับขี่ปลอดภัยเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ รวมไปถึงการมีน้ำใจแก่สัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ โดยรถที่สัญจรไปมาจะพยายามหลบหลีกไม่ให้สัตว์เหล่านั้นได้รับอันตรายเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากในสังคมเมืองปัจจุบัน
ด้าน คมสันติ การสุวรรณ์ ตัวแทนพนักงานในโครงการ "Local Hero" กลับคืนถิ่นเพื่อน้อง เล่าถึงความทรงจำสมัยเรียนให้ฟังว่า ในชีวิตเด็กต่างจังหวัด การเข้าถึงความเจริญนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โรงเรียนบ้านมะหรี่ (ศิริวิทยาคาร) จึงเป็นเพียงสถานที่เดียวที่ให้ทั้งความรู้ เพื่อน รวมถึงความสนุกสนานต่าง ๆ กับผมจนกระทั่งเรียนจบ ผมรู้สึกตื้นตันที่ได้มีโอกาสกลับมาเป็นผู้ให้และมีส่วนร่วมในโครงการดี ๆ ครั้งนี้ ทุกรอยยิ้มที่ได้รับจากน้อง ๆ รวมถึงคณะครู เป็นกำลังใจที่ดีที่สุดสำหรับผมในการดำเนินชีวิต เช่นเดียวกัน ผมก็อยากเห็นน้อง ๆ เติบโตมาเป็นคนดีของสังคม โดยยึดมั่นคติ "จงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่" เพราะมองว่า หากเราทุกคนรู้จักความพอเพียง การใช้ชีวิตในทุกเรื่องก็จะง่ายขึ้น ใครที่เดินทางมาทำงานในกรุงเทพฯ ก็จะมีเงินเก็บเพียงพอ และสามารถส่งกลับไปเลี้ยงดูพ่อแม่ที่ต่างจังหวัดได้อย่างสบาย
วิชัย กิ่งชา ผู้อำนวยการโครงการกลุ่มสิทธิผล วีแคร์ กล่าวว่า กลุ่มสิทธิผล วีแคร์ เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาการศึกษาของเยาวชนไทยเป็นอย่างมาก จึงเกิดแนวคิดจัดตั้งโครงการ "Local Hero" กลับคืนถิ่นเพื่อน้องขึ้น ในปี 2552 โดยมีวัตถุประสงค์ให้พนักงานในองค์กรได้มีโอกาสกลับไปตอบแทนโรงเรียนที่เคยเล่าเรียนมา ผ่านกิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น มอบชุดคอมพิวเตอร์, มอบอุปกรณ์กีฬา, มอบอุปกรณ์ห้องสมุด ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการกระตุ้นการทำดีต่อสังคม และสร้างความภาคภูมิใจให้เกิดแก่ตัวพนักงานในฐานะเป็นผู้ให้
ล่าสุด สิทธิผล วีแคร์ ได้เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านมะหรี่ (ศิริวิทยาคาร) จ.ร้อยเอ็ด สถานศึกษาในเขตพื้นที่ห่างไกล ที่ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนการสอน ในกิจกรรมนอกจากจะได้เห็นความผูกพันระหว่างลูกศิษย์และคุณครูที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ทุกคนยังได้สร้างความประทับใจร่วมกันกับน้อง ๆ ที่ต่างมารอรับสิ่งของด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทั้งยังได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านตามถิ่นทุรกันดารที่สมควรนำมาเป็นแบบอย่างอีกด้วย อาทิ การรักษาระเบียบวินัยในการขับขี่รถบนถนน ที่ถึงแม้เส้นทางจะชำรุดเสียหายจากสาเหตุน้ำป่าไหลหลาก แต่ชาวบ้านก็ยังยึดหลักขับขี่ปลอดภัยเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ รวมไปถึงการมีน้ำใจแก่สัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ โดยรถที่สัญจรไปมาจะพยายามหลบหลีกไม่ให้สัตว์เหล่านั้นได้รับอันตรายเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากในสังคมเมืองปัจจุบัน
ด้าน คมสันติ การสุวรรณ์ ตัวแทนพนักงานในโครงการ "Local Hero" กลับคืนถิ่นเพื่อน้อง เล่าถึงความทรงจำสมัยเรียนให้ฟังว่า ในชีวิตเด็กต่างจังหวัด การเข้าถึงความเจริญนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โรงเรียนบ้านมะหรี่ (ศิริวิทยาคาร) จึงเป็นเพียงสถานที่เดียวที่ให้ทั้งความรู้ เพื่อน รวมถึงความสนุกสนานต่าง ๆ กับผมจนกระทั่งเรียนจบ ผมรู้สึกตื้นตันที่ได้มีโอกาสกลับมาเป็นผู้ให้และมีส่วนร่วมในโครงการดี ๆ ครั้งนี้ ทุกรอยยิ้มที่ได้รับจากน้อง ๆ รวมถึงคณะครู เป็นกำลังใจที่ดีที่สุดสำหรับผมในการดำเนินชีวิต เช่นเดียวกัน ผมก็อยากเห็นน้อง ๆ เติบโตมาเป็นคนดีของสังคม โดยยึดมั่นคติ "จงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่" เพราะมองว่า หากเราทุกคนรู้จักความพอเพียง การใช้ชีวิตในทุกเรื่องก็จะง่ายขึ้น ใครที่เดินทางมาทำงานในกรุงเทพฯ ก็จะมีเงินเก็บเพียงพอ และสามารถส่งกลับไปเลี้ยงดูพ่อแม่ที่ต่างจังหวัดได้อย่างสบาย
