"3 ปัจจัย" หนุน! ดึงทุนข้ามชาติ แข่งปักฐานไทย
หอการค้า-สภาอุตฯ ชี้ 3 ปัจจัยบวก "สงครามการค้า-อีอีซี-ไทยมีเลือกตั้ง" แม่เหล็กดูดทุนข้ามชาติแข่งปักฐาน ... นิคมอุตฯ แข่งเดือดแย่งลูกค้า กำเงินขั้นต่ำ 1 พัน-หมื่นล้าน หาที่ปักหมุด ... แบงก์ชาติ เผย ข้อมูลเอฟดีไอไทย รอบกว่า 6 ปี "ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินเดีย" ครอง 3 อันดับแรก
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า เวลานี้ประเทศไทยมี 3 ปัจจัยบวก ที่จูงใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนใหม่ หรือ ที่มีฐานในไทยอยู่แล้วขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะได้เห็นรูปธรรมที่ชัดเจนในช่วงนับจากนี้ไป โดย 3 ปัจจัย ได้แก่ 1.โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีกฎหมายรองรับและบังคับใช้แล้ว และรัฐบาลได้เร่งผลักดันโครงสร้างพื้นฐานรองรับ สร้างความมั่นใจในการลงทุน
2.สงครามการค้าสหรัฐอเมริกา-จีน ที่ขึ้นภาษีสินค้าตอบโต้ไป 3 รอบแล้ว จะส่งผลให้สหรัฐฯ มาใช้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ เพื่อทดแทนการนำเข้าสินค้าจากจีน และจีนจะมีการลงทุนในไทย เพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ ในกลุ่มที่ถูกปรับขึ้นภาษีเพิ่มขึ้น รวมทั้งเพื่อใช้ไทยเป็นฐานผลิตส่งออกไปยังกลุ่มอาเซียน และ 3.จากที่ประเทศไทยมีความชัดเจนเดินหน้าสู่การเลือกตั้งต้นปีหน้า ทำให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น
"ในส่วนของนักลงทุนรัสเซียที่ได้จัดคณะผู้บริหารระดับสูงจากกว่า 40 บริษัท เดินทางมาเยือนไทยและลงพื้นที่อีอีซี เมื่อปลายเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกกลุ่มที่มีศักยภาพมาก ที่จะเข้ามาลงทุนในไทยหลายสาขา เช่น อุตสาหกรรมการบินไซเบอร์ซิเคียวริตี การแพทย์ชั้นสูง รถไฟความเร็วสูง พลังงาน ดิจิตอล ไอที เป็นต้น คาดจะเห็นรูปธรรมและความชัดเจนในปีหน้า ไม่ใช่แค่รัสเซีย ยังมีญี่ปุ่น ที่เป็นผู้นำการลงทุนในไทยอยู่แล้ว ก็จะขยายการลงทุนเพิ่ม รวมถึงสหรัฐฯ ยุโรป จีน ไต้หวัน เกาหลี ต่างเข้ามาดูลู่ทางลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น"
[caption id="attachment_327682" align="aligncenter" width="394"]
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากเมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมร่วม The New Digital Economy : Creating THAILAND - U.S. Commercial Opportunities โดยมีภาคธุรกิจเอกชนรายใหญ่จากสหรัฐฯ เข้าร่วมประชุมกว่า 300 ราย ในโอกาสนี้นักธุรกิจทั้ง 2 ฝ่าย ได้มีกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ หรือ บิสิเนส แมชชิ่ง ระหว่างกัน ซึ่งไทยได้ชักชวนสหรัฐฯ มาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อีอีซี ในการนี้ หอการค้าไทยได้นำคณะนักธุรกิจหอการค้าสหรัฐฯ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี (25 ก.ย. 2561) โดยนายกฯ ได้ปรารภว่า การลงทุนของสหรัฐฯ ในพื้นที่อีอีซียังมีน้อย อยากให้มีเพิ่มขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งโครงการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับดิจิตอล อีโคโนมี ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างมาก จากที่ผ่านมา การลงทุนของสหรัฐฯ ในไทย สะสมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีการลงทุนแล้วกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สำหรับนักธุรกิจสหรัฐฯ ที่เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ประกอบด้วย บริษัทชั้นนำด้านดิจิตอล อาทิ FedEx Express, Qualcomm Incorporated, Cisco, Fortinet, Engine, The Software Alliance, Seagate Technology และ Airbnb เป็นต้น ด้าน นายหลักชัย กิตติพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทรเบคก้า เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จ.ระยอง เผยว่า อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าจากจีน ญี่ปุ่น และยุโรป กว่า 20 ราย เพื่อดึงการลงทุนในนิคมฯ ของบริษัท โดยกลุ่มหลักมาจากจีน ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากยางพารา เช่น ยางรถยนต์ หมอนยางพารา สายพาน เส้นลวด เป็นต้น ส่วนใหญ่ใช้เงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 ล้านบาท จนถึงหลักหมื่นล้านบาท
"ไม่ขอเปิดเผยชื่อลูกค้า เพราะหากเผยชื่อไปอาจถูกผู้ประกอบการนิคมฯ รายอื่นแย่งลูกค้าไปได้ จากเวลานี้นิคมฯ พื้นที่อีอีซีเนื้อหอมและมีการแข่งขันสูงมาก นักลงทุนจากทั่วโลกหลั่งไหลกันเข้ามาสำรวจและศึกษาการลงทุนไม่ขาดสาย"
จากการตรวจสอบข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ถึงยอดคงค้างเงินลงทุนโดยตรง (เอฟดีไอ) จากต่างประเทศ นับตั้งแต่ปี 2555 ถึงไตรมาสที่ 1/2561 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 241,428 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในจำนวนนี้ประเทศที่มีการลงทุนสูงสุดในไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินเดีย สหรัฐฯ และเนเธอร์แลนด์ โดยมีมูลค่าการลงทุน 86,020 | 36,531 | 16,338 | 16,057 และ 15,778 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,405 วันที่ 30 ก.ย. - 3 ต.ค. 2561 หน้า 01+15
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● 'HSBC' ดึงทุนข้ามชาติ ตั้งสํานักงานใหญ่ในไทย
● BAY ชี้ทุนข้ามชาติคึก ดันธุรกิจโกลบัลพุ่ง
