ช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา สำหรับ ก.ล.ต.ยุคนี้ ถือว่าผลงานเข้าตา สำหรับมาตรการปราบปรามกลุ่มปั่นหุ้น ที่ดำเนินการอย่างจริงจัง
แม้ว่าจะยังไม่สามารถกำจัดวัชพืชตลาดหุ้นได้หมด โดยเฉพาะพวกกลุ่ม ไดโนเสาร์รุ่นปู่ และไดโนเสาร์รุ่นยักษ์ และลิ่วล้อ ขาใหญ่รุ่นเก๋าแห่งตลาดทุน ที่ยังลอยนวลแต่เปลี่ยนพฤติกรรมให้ยากต่อการตรวจสอบมากขึ้น
ไดโนเสาร์เหล่านี้ ในอดีตล้วนผ่านการรวมหัวปั่นหุ้นมาแล้วทั้งสิ้น ตั้งแต่สมัย บล.ยูไนเต็ดยังเฟื่องฟู แต่พอเงินลงทุนแต่ละคนใหญ่ขึ้น ผลประโยชน์ก็มากขึ้น จึงแยกย้ายเป็นก๊กเป็นเหล่า คอยหากินเปลี่ยนจากหุ้นเล็กเป็นหุ้นกลางสู่หุ้นใหญ่ในที่สุด
ตำนานของแก๊งเหล่านี้ ก็มีทั้งเสี่ยรองเท้า หมอฟัน เสี่ยไดโนเสาร์ทั้ง 2 ตัว กลุ่มหาดใหญ่ เสี่ยผลไม้ เสี่ยแก๊ส เสี่ย ส. และอื่นๆ
วันนี้
“สัตว์ป่าล่าเนื้อ” เหล่านี้หมดยุคสมัย ลดความห้าวเป้ง บ้างโดนจับ บ้างล้างมือในอ่างทองคำ บ้างเปลี่ยนอาชีพเพราะรวยแล้ว บ้างยังวนเวียนทำตัวเป็นปูชนียบุคคล สร้างภาพดี แต่ลับหลังยังแอบเชือดนิ่มๆ หมูตลาดทุนเสมอ
ต้องยอมรับว่า ก.ล.ต.ยุคนี้ สร้างความสะพรึงกลัวให้นักปั่นหุ้นรุ่นใหญ่ที่พอมีกินมีใช้ทุกรายให้คิดเลิก และกลับตัวกลับใจ อันนี้ดิฉันขอชมอีกครั้งอย่างจริงใจ แม้จะกวาดล้างไม่หมด (เพราะคนยังอุ้มชูพวกตามลักษณะสังคมอุปถัมภ์)
เมื่อ
“นักเล่นหุ้นรุ่นปู่” ต่างพากันเลิกราและปรับตัวปรับวิธีการซื้อขายให้สอดคล้องตามระเบียบและข้อกฎหมาย
นี่จึงถือเป็นโอกาสของ
“นักลงทุนรุ่นใหม่ไฟแรง” ที่จะยกระดับตนเองสู่
“เซียนหุ้น” ผนวกกับคุณสมบัติ(ตามวัย) ที่พร้อมเรียนรู้ปรับตัวควบคู่ไปกับความล้ำหน้าของโลกสังคมออนไลน์ และดิจิตอลเทคโนโลยีแห่งโลกโลกาภิวัตน์
การลงทุนในหุ้น จริงๆ แล้วหากใครแน่จริง เก่งจริง กำไรเองจริง โดยไม่ใช้ข้อมูลภายในจากเจ้าของ ก็ไม่จำเป็นต้องโฆษณาประชาสัมพันธ์ตนเองเยอะ แต่สิ่งที่
“เซียนหุ้นรุ่นใหม่” มักจะสร้างขึ้นมาเพื่อค้ำยันความน่าเชื่อถือของตนคือ
“ภาพลักษณ์” และ
“เครือข่าย” หรือ
“สาวก”
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเห็น
“เซียนหุ้นรุ่นใหม่” เปิดหลักสูตรอบรมโอ้อวดอิทธิฤทธิ์ต่างๆ จ้างพีอาร์ประชาสัมพันธ์เพื่อโม้ต่างๆนานาว่าเล่นหุ้นจากหลักแสนบาทและกำไรเป็นร้อยๆ ล้าน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ลูกค้า
พุทโธ่...มันจะมีสักกี่คนเจ้าคะในตลาดหุ้นที่ทำได้แบบนั้น? และไอ้คนมีฝีมือจะเสียเวลามาทำหลักสูตรอบรมหรือเจ้าคะ?
การสร้างเครือข่ายสำหรับพวก
“นักเล่นหุ้นรุ่นใหม่” พวกนี้มีจุดประสงค์เดียวคือ
“การหาแนวร่วม” ในการซื้อหุ้นที่ตนเองถือในชื่อคนอื่น
ตัวอย่างที่เห็นชัดๆ ในปัจจุบัน คือนักเล่นหุ้นรายหนึ่งชื่อ ก. เปิดอบรมหลักสูตรเดย์เทรดซื้อหุ้นรายวัน และตั้ง facebook และ กลุ่มไลน์เพื่อปล่อยข่าว ชักชวนรายย่อยมาซื้อหุ้นที่ตนไปทำดีลลับกับเจ้าของหุ้นมา...
ติดตามต่อเรื่องนี้ฉบับหน้า.......
|คอลัมน์ : มารยาตลาดหุ้น
|โดย : คุณนายเผือก
|หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3406 หน้า 17 ระหว่างวันที่ 4-6 ต.ค.2561