กกร. ปรับเพิ่มจีดีพีปีนี้โต 4.4.- 4.8% คาดส่งออกขยายตัว 8-10%

02 ต.ค. 2561 | 07:10 น.
กกร. ปรับเพิ่มจีดีพีปีนี้โต 4.4.-4.8% ส่งออกโต 8-10% จับตาสงครามการค้ายักษ์ใหญ่ กระทบการส่งออกไทย หวังรัฐบาลใหม่โปร่งใส หนุนเอกชนทำธุรกิจง่าย

 

[caption id="attachment_326715" align="aligncenter" width="503"] กลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าไทย กลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าไทย[/caption]

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า ที่ประชุม กกร. ได้ประเมินเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ว่า ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่จะไม่สูงเท่าในครึ่งปีแรก จากปัจจัยฐานเปรียบเทียบที่คาดว่าจะทำให้การส่งออกและการท่องเที่ยวเติบโตที่ชะลอลง รวมทั้งทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกสูงขึ้น ในขณะที่ เงินบาทกลับมาแข็งค่าในเดือนที่ผ่านมา จากการไหลเข้ามาของเงินทุนต่างชาติในพันธบัตรไทย สำหรับการส่งออกในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา มีการส่งออกที่ขยายตัวสูง และคาดว่า ในช่วงเดือนที่เหลือของปีน่าจะมีคำสั่งซื้อสินค้าจากคู่ค้าเพื่อรองรับเทศกาลในปลายปีนี้ ดังนั้น กกร. จึงปรับตัวเลขส่งออกปีนี้ จากเดิมขยายตัว 7-10% เป็นขยายตัว 8-10%


DSCN5930

ส่วนภาพร่วมการท่องเที่ยวในช่วง 8 เดือน มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทย 25.89 ล้านคน โตขึ้น 9.9% โดยนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น 17% หรือ 7.73 ล้านคน และมั่นใจว่า น่าจะถึง 10 ล้านคนในปีนี้ แม้ว่าจะมีเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต ซึ่งกระทบกับความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวก็ตาม แต่เชื่อว่าน่าจะกระทบไม่มาก ส่วนกรณีที่กรมสรรพากรประกาศให้มีการตั้งสำนักงานเพื่อคืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยว หรือ Down Town VAT Refund จำนวน 3 แห่ง ซึ่งเป็นโครงการทดลองระยะ 6 เดือน (ต.ค. 2561 - มี.ค. 2562) กกร. เห็นว่าจะเป็นการเพิ่มความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมการท่องเที่ยว


Travel Trip Bangkok on a Budget

นอกจากนี้ การขยายตัวของการบริโภค การลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัว การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเป้าเบิกจ่าย รวมทั้งการขยายตัวของ GDP ในช่วงครึ่งปีแรก ทำให้ กกร. มองว่า การขยายตัวของ GDP ในปีนี้ น่าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 4.4-4.8% เพิ่มจากการคาดการณ์เดิมซึ่งอยู่ที่ 4.3-4.8%

ขณะเดียวกัน การที่ไทยจะมีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลชุดใหม่ ภาคเอกชนต้องการรัฐบาลที่มีความโปร่งใส มีนโยบายที่สนับสนุนให้เอกชนมาทำธุรกิจได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ปรับปรุงกฎหมายให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น

ส่วนประเด็นที่ต้องติดตาม คือ ข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ที่จะกระทบต่อการส่งออกไทย ประมาณ 0.6-0.8% ของจีดีพี พร้อมทั้งให้จับตาสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้น จากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ที่จะกระทบต่อราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ซึ่งหากภาครัฐจะใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาอุดหนุนราคาน้ำมัน ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะขณะนี้ เงินกองทุนฯ ลดลงมาก จาก 4 หมื่นล้านบาท เหลือ 2 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม กกร. เชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยยังมีความแข็งแกร่งและจะได้รับผลกระทบจากต่างประเทศไม่มาก และคาดว่าจะรับมือผลกระทบความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้


595959859