ผ่าขบวนการ "ใต้โต๊ะ ตม." Visa on Arrival "ทัวริสต์จีน"

03 ต.ค. 2561 | 05:49 น.
กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง สำหรับส่วย ตม. หลังเกิดกรณีนักท่องเที่ยวจีนถูกปฏิเสธการเข้าเมือง เหตุไม่แสดงเอกสารยืนยันการเข้าพักในไทย ทั้งยังก่อความวุ่นวายพยายามหลบหนีจากพื้นที่ควบคุมออกไปยังบัสเกต อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ท้ายสุด! เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินดอนเมืองต้องระงับเหตุ แต่ได้มีการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ส่งผลให้ผู้บริหารสนามบินต้องถูกพักงาน และเจ้าหน้าที่ที่กระทำรุนแรงมีโทษถึงขั้นไล่ออก หลังส่งตัวนักท่องเที่ยว Mr.Mei Ji กลับประเทศ

ตม.2-2

การใช้วิจารณญาณของเจ้าหน้าที่ ตม. ในการสกรีนว่าจะให้เข้าเมืองได้หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น เพราะ ตม. ต้องยึดสเต็ปการตรวจสอบเอกสารที่นักท่องเที่ยวต้องนำมายื่นระหว่างการขอวีซ่าที่ปลายทาง หรือ Visa on Arrival อาทิ ข้อมูลการพำนักในไทย , แสดงหลักฐานมีเงินเข้าไทยคนละไม่น้อยกว่า 1 หมื่นบาท ถ้ามาเป็นครอบครัวไม่น้อยกว่า 2 หมื่นบาทต่อครอบครัว เพื่อยืนยันว่า ได้มาเที่ยวจริง แต่ที่มันเป็นปัญหา ก็เพราะนักท่องเที่ยวจีนคนนี้ได้ออกมาโวยวายในประเด็น "ถูกเรียกเงินเพิ่ม 300 บาท นอกเหนือจากค่าวีซ่า ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ" นี่ต่างหากที่เป็นประเด็น

เรื่องนี้คงไม่จบแค่เพียงการออกมารับผิดชอบของผู้บริหารสนามบินดอนเมืองต่อกรณีใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่คำพูดที่เกิดขึ้นนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการจ่ายใต้โต๊ะ โดยไม่มีใบเสร็จ เพื่อแลกกับการอำนวยความสะดวกในการเข้าเมือง นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมวีซ่า ที่ต้องจ่ายหัวละ 2 พันบาท ที่ต้องจ่ายตามกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่มีมานาน ไม่มีหลักฐาน และไม่มีบริษัททัวร์รายใด หรือ ไกด์คนไหน ออกมาร้องเรียน เพราะกลัวจะมารับนักท่องเที่ยวในสนามบินไม่ได้ ปัญหานี้ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ แม้จะไล่เบี้ยไปถาม ตม. ก็มักปฏิเสธตลอดว่า ไม่มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะเกิดขึ้น


ใต้โต๊ะหัวละ 300 บาท
แหล่งข่าวระดับสูงจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวตลาดจีน เผยว่า พัฒนาการจ่ายเงินใต้โต๊ะให้เจ้าหน้าที่ ตม. สำหรับการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่มาทำ Visa on Arrival ที่สนามบิน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนนั้น ในระบบการทำวีซ่าดังกล่าว ตม. จะใช้นายหน้า หรือ เอเยนต์ ทั้งคนไทยและคนจีน ซึ่งอยู่นอกสนามบิน เป็นผู้ประสานงานระหว่างบริษัททัวร์ต่าง ๆ กับเจ้าหน้าที่ ตม. ในการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว


mp22-3406-b

การจ่ายเงินใต้โต๊ะตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ในอดีตจะเป็นในลักษณะการให้ทิป ที่ก็แล้วแต่บริษัททัวร์ต่าง ๆ จะให้แก่นายหน้าหรือเอเยนต์ เพื่อมาจ่ายต่อให้เจ้าหน้าที่ ตม. เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวราว 200 คนต่อกรุ๊ป ต่อมาก็ปรับพฤติกรรมการจ่ายมาเป็นเอเยนต์ไปเอาลูกทัวร์เข้ามามีกำไร ก็จะแบ่งจ่ายสินบนให้ ตม. เป็นเงินก้อน ยกตัวอย่าง กำไร 5 แสนบาท ก็จะจ่ายให้ ตม. 1 แสนบาท โดยยอมขาดทุนกำไร และพัฒนาการสุดท้าย คือ ปรับมาเป็นจ่ายต่อหัวคนละ 300 บาท โดยไปบอกให้นักท่องเที่ยวเป็นคนจ่ายแทนเอเยนต์หรือบริษัททัวร์


3 ประเด็นทัวร์จีนเป็นเป้า
ขบวนการเช่นนี้ถามว่า ทำไมถึงเป็นนักท่องเที่ยวจีนที่โดน 1.เป็นเพราะนักท่องเที่ยวจีนจัดว่าเดินทางมาเที่ยวไทยมากที่สุด ปีละร่วม 10 ล้านคน กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเอง (เอฟไอที) ไม่ได้เป็นเป้าหมาย แต่นักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ ถ้าบริษัททัวร์รายใดต้องการอำนวยความสะดวกเพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการออกสนามบิน ทัวร์ก็จะบอกให้นักท่องเที่ยวยอมจ่ายเงินเพิ่ม 2.จีนมีปัญหาเรื่องภาษา ทำให้กรอกใบ ตม.6 ยากกว่าชาติอื่น 3.เที่ยวบินจากจีนที่มาลงในไทย โดยเฉพาะโลว์คอสต์แอร์ไลน์ ส่วนใหญ่จะเป็นเที่ยวบินเวลาไม่ดี จึงมักเป็นเที่ยวบินที่มาลงตอนตี 2 นักท่องเที่ยวจะง่วง อีกทั้งด้วยจำนวนเจ้าหน้าที่ ตม. ที่น้อย และนั่งไม่เต็มทุกเคาน์เตอร์ ก็จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ไกด์และนักท่องเที่ยวจะเลือกเสนอจ่ายสินบน หรือ ทิป แลกกับการไม่ต้องมาต่อคิวที่ยาวนาน

แม้ว่าปัจจุบันทางสนามบินต่าง ๆ จะมีการเปิดช่องทางพิเศษเป็นการเฉพาะให้กับนักท่องเที่ยวใน 5 สนามบินของไทย เพื่อตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าประเทศ อาทิ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดช่องทางพิเศษ 18 ช่อง , ท่าอากาศยานดอนเมือง เปิดช่องทางพิเศษ 21 ช่อง , ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดช่องทางพิเศษ 8 ช่อง , ท่าอากาศยานภูเก็ต เปิดช่องทางพิเศษ 18 ช่อง และท่าอากาศยานหาดใหญ่ เปิดช่องทางพิเศษ 10 ช่อง ก็ตาม


090861-1927-9-335x503

ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดปีละ 29% ล่าสุด อยู่ที่ 10 ล้านคนต่อปี และจีนเป็น 1 ใน 20 ประเทศ และ 1 เขตเศรษฐกิจพิเศษ (ไต้หวัน) ที่สามารถมาทำ Visa on Arrival ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการทำวีซ่าเข้าไทย หากไม่ได้ทำวีซ่านักท่องเที่ยวมาจากประเทศต้นทาง ซึ่งจากการเติบโตของการท่องเที่ยวไทย ส่งผลให้สถิติการขอ Visa on Arrival จากนักท่องเที่ยวกว่า 20 ชาตินี้ มีอัตราการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยจาก ม.ค. - ส.ค. 2561 อยู่ที่ 3.85 ล้านคน เพิ่มขึ้น 15.67% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


tnews_1522411465_3445



'บิ๊กโจ๊ก' คาดโทษ ตม. รับสินบน
ต่อเรื่องนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) กล่าวยอมรับเรื่องการจ่ายสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่ ตม. ต้องยอมรับว่า เป็นเรื่องจริง ซึ่งหลังการเข้ารับมอบตำแหน่งผู้บัญชาการ สตม. ผมได้คาดโทษผู้กำกับ ตม. ทุกคนไปแล้วว่า ให้ไปคุยกับนายหน้า หรือ เอเยนต์ ให้เลิกเรียกเก็บเงินค่าส่วนต่างกับกลุ่มทัวร์ต่าง ๆ นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมผ่านแดน หรือ วีซ่า

ถ้ายังมีพฤติกรรมเช่นนี้อยู่ ก็จะเลิกและดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงจะใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน เพื่อยึดทรัพย์ด้วย เอเยนต์ไหนไม่ดีก็เลิกเอเยนต์ไปเลย ซึ่งภายใน 1 สัปดาห์นี้ ต้องชัดเจน เพราะถือเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ พร้อมทั้งเตรียมนำป้าย No Tip ไปติดตั้งตามจุดต่าง ๆ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้กับนักท่องเที่ยวรับทราบว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่มีการเรียกเก็บเงินส่วนต่างเกินจากค่าธรรมเนียมวีซ่า


912038-503x335

"การเข้มงวดในการคัดกรองชาวต่างชาติ ยังต้องมีความเข้มงวด โดยเฉพาะการคัดกรองบุคคลที่จะต้องอยู่ภายใต้ความมั่นคงของประเทศ และจะต้องนำเทคโนโลยีทันสมัยมาช่วยในการคัดกรอง เช่น ไบโอ แมทริค ที่ซื้อมาตั้งแต่เดือน ม.ค. แต่ยังส่งมอบงานไม่ได้ ก็จะเข้าไปสะสาง นอกจากนี้ ยังต้องเร่งแก้ปัญหากำลัง ตม. ที่วันนี้มีอยู่ 3 พันคน ดูแลทั้งประเทศมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ที่ไม่มีกำลังพลเพิ่ม จึงไม่เพียงพอกับการดูแลนักท่องเที่ยวกว่า 33 ล้านคนต่อปี ซึ่งผมเตรียมเสนอเปิดรับสมัครกำลังพลเพิ่มอีก 1 พันอัตรา เน้นชั้นประทวนและสารวัตร ที่จะมาเป็นผู้ปฏิบัติในการแก้ปัญหากำลังพลที่ไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน" พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย


……………….
รายงาน โดย โต๊ะข่าวท่องเที่ยว

หน้า 22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3406 ระหว่างวันที่ 3 - 6 ตุลาคม 2561


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว