คลังโบ้ยสาธารณสุขชงปรับราคาบุหรี่ดึงเงินเข้ากองทุนหลักประกันสุขภาพ

01 ต.ค. 2561 | 11:29 น.
คลัง โบ้ยกระทรวงสาธารณสุข เสนอปรับราคาบุหรี่ดึงเงินเข้ากองทุนหลักประกันสุขภาพ เห็นด้วยกับแนวคิดนำรายได้บุหรี่ส่งกองทุนประกันสุขภาพ สรรพสามิต ยอมรับอาจต้องเสนอคณะกรรมการวินัยการเงินการคลังพิจาณาก่อนเสนอ ครม.

กรณีที่มีกระแสข่าวว่า กระทรวงการคลังเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดเก็บเงินสมทบ เพื่อสนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยงานบริการภาครัฐในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมีสาระสำคัญให้เก็บเงินจากบุหรี่อีกซองละ 2 บาท ให้กับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นเงินปีละประมาณ 3,000 ล้านบาท เนื่องจากเงินที่ได้สนับสนุนจากงบประมาณปีละกว่า 1 แสนล้านบาท จึงต้องหาแหล่งเงินเพิ่มเติม
cig นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า ยังไม่เห็นเรื่องการเสนอปรับเพิ่มราคาบุหรี่ดังกล่าว เพราะกระทรวงการคลัง ไม่ใช่ต้นเรื่องในการเสนอปรับราคา แต่เป็นเรื่องของกระทรวงสาธารณสุข แต่ยอมรับว่าแนวคิดการนำรายได้จากบุหรี่ เพื่อนำเข้ากองทุนบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นแนวคิดที่รับได้ในการนำเงินมาดูแลรักษาสุขภาพ เมื่อยังขาดแคลนเงิน จึงต้องหาแหล่งเงินเข้ามารองรับในการรักษาพยาบาลเพิ่มเติม โดยคลังต้องดูว่า เข้าหลักเกณฑ์ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังหรือไม่ ในการดึงเงินไปใช้ในกองทุนหลักประกันสุขภาพ

ด้านนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมสรรพสามิตยังไม่เห็นร่างกฎหมายข้อเสนอจัดเก็บดังกล่าว มีแต่เพียงกระแสข่าวการปรับเพิ่มราคาบุหรี่ 2 บาทต่อซอง ซึ่งมองว่า การจัดเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนหลักประกันสุขภาพฯ ถือเป็นกองทุนหมุนเวียนประเภทหนึ่ง การเก็บเงินสมทบดังกล่าวอาจเข้าข่าย พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ จึงต้องเสนอ คณะกรรมการวินัยการเงินการคลังพิจารณา ตามมาตรา 25 ระบุว่า การเสนอกฎหมายเพื่อให้หน่วยงานรัฐไม่ต้องนำส่งรายได้เข้าคลัง ให้ดำเนินการได้ในกรณีจำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานรัฐ ต้องได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังก่อน เสนอกฎหมายต่อ ครม. ส่วนมาตรา 26 ระบุว่า การเสนอกฎหมายเก็บภาษีหรือค่าธรรมเนียมเพิ่ม กระทำมิได้เว้นแต่จะเก็บเข้าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก่อนนำเสนอที่ประชุม ครม.
cig2 สำหรับการพิจารณาเรื่องจัดเก็บภาษียาสูบ 40% ก่อนปี 2562 นายพชรกล่าวว่า ขอเวลาศึกษาทบทวนให้รอบคอบ เพราะกระทบทั้งเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ ผู้บริโภค จากนั้นจึงค่อยนำมาพิจารณา ตามข้อเสนอของภาคเกษตรผู้ปลูกยาสูบที่ต้องการให้เลื่อนการขึ้นภาษีบุหรี่ตามมูลค่า 20% เพิ่มเป็น 40% ในวันที่ 1 ต.ค. 2562 ออกไปก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกฎหมายภาษีสรรพสามิตใหม่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2560 มีการเก็บภาษีบุหรี่ตามปริมาณ 1.20 บาทต่อมวน และตามมูลค่า 20% สำหรับบุหรี่ราคาไม่เกิน 60 บาท และ 40% สำหรับบุหรี่ที่ราคาเกิน 60 บาท และเมื่อถึงวันที่ 1 ต.ค. 2562 ต้องปรับภาษีตามมูลค่า เพิ่มเป็น 40% เท่ากัน เพื่อทำให้บุหรี่ราคา 60 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 80 บาท และบุหรี่ที่ปัจจุบันราคา 100 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 160 บาท และช่วงที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข เปิดเวทีประชาพิจารณ์ เพื่อเก็บเงินสมทบจากสินค้าบุหรี่เพิ่ม 2 บาท เพียงรายการเดียว โดยไม่รวมสินค้า สุรา เบียร์ และยาเส้น เหมือนกับการนำส่งเงินเข้ากองทุนอื่น เงินที่สนับสนุนจากงบประมาณ 1 แสนล้านบาทต่อปี ยังไม่เพียงพอต่อกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จึงต้องหาแหล่งเงินเพิ่มเติม

090861-1927-9-335x503-8-335x503

ขณะที่นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้ว่าการ การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.)กล่าวว่า หาก ครม.เห็นชอบตามข้อเสนอ ปรับเพิ่มราคาบุหรี่ 2 บาทต่อซอง ยสท. ต้องผลักภาระให้ผู้บริโภค หากมีการเก็บเงินให้กองทุนหลักประกันสุขภาพ เนื่องจากปัจจุบันตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่ทำให้ยาสูบมีกำไรจากการขายบุหรี่ที่ซองละ 10 สตางค์เท่านั้น ถ้าไม่ปรับราคาขึ้น โรงงานยาสูบก็จะขาดทุน และขายบุหรี่ไม่ได้ ที่ผ่านมา ยสท.มีกำไรในปี 60 ประมาณ 9,000 ล้านบาท คาดลดลงเหลือไม่ถึง 1,000 ล้านบาท ในปี 2561 โดยช่วงที่ผ่านมายสท.ได้เริ่มจัดเก็บอัตราภาษีบุหรี่ใหม่ตั้งแต่ 16 ก.ย. 60 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ยอดขายลดจาก 80% เหลือ 60% จากเดิมกำไรซองละ 7 บาท เหลือกำไรซองละไม่ถึง 1 บาท และหากปรับเพิ่มขึ้นอีกซองละ 2 บาท อาจกระทบต่อจนทำให้มีผลขาดทุนมากขึ้น

e-book-1-503x62-7