ASP คาดกำไร บจ. ไตรมาส 3 แตะ 250,000 ล้านบาท!!

30 ก.ย. 2561 | 05:47 น.
บล.เอเซียพลัส คาดกำไร บจ.ไตรมาส 3 ประมาณ 250,000 ล้านบาท เติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า มองหุ้นไทยสัปดาห์หน้าผันผวนในกรอบ 1,760 จุด แนะลงทุนหุ้นปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง

ฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส จำกัด (ASP) ระบุว่า คาดผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 3 ปี 2561 อยู่ที่ประมาณ 250,000 ล้านบาท ชะลอตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 213,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ในครึ่งปีแรกของปี 2561 บจ. ทํากําไรสุทธิอยู่ในเกณฑ์ดี โดยไตรมาสแรกอยู่ที่ 292,000 ล้านบาท และไตรมาส 2 อยู่ที่ 260,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เมื่อประเมินจากกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่า ไตรมาส 3 จะมีกําไร 51,800 ล้านบาท ลดลง 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี คาดกําไรเติบโตเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นจากสิ้นไตรมาส 2 ประมาณ 4–5 เหรียญสหรัฐฯ แต่จะถูกกดดันจากธุรกิจปิโตรเคมี ที่ภาพรวม Sprade ลดลง นอกจากนี้ ยังเห็นการปิดซ่อมบำรุง เช่น โรงกลั่น IRPC, โรงปิโตรเคมี PTTGC, โรงไฟฟ้าหงสา และ BLCP


ASP

สำหรับกลุ่ม ICT ฐานกําไรไตรมาส 2 สูงกว่าปกติ กว่า 10,000 ล้านบาท จากการบันทึกรายการที่เกี่ยวเนื่องกับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน แต่ในไตรมาส 3 ไม่มี จึงน่าจะเห็นการลดลงของกำไรสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้าง คาดกำไรทรงตัว ขณะที่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้างกําไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่มีความคืบหน้า

ขณะที่ แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันที่ 1-5 ต.ค. 2561 คาดว่าจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางปัจจัยพื้นฐาน โดยการประชุมธนาคารกลางประเทศหลัก ๆ ได้ผ่านพ้นไปแล้ว และถูกสะท้อนในราคาหุ้นไปแล้ว ประเด็นสงครามการค้า แม้ยังไม่เห็นทิศทางของการผ่อนคลาย แต่ก็เป็นช่วงที่รอดูพัฒนาการของเหตุการณ์ ส่วนการเมืองในประเทศอยู่ในช่วงของการติดตามการดำเนินการของพรรคการเมืองที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง เช่น การคัดเลือกหัวหน้าพรรค การรับสมาชิกใหม่ และการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง สำหรับกระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติยังไม่มีแนวโน้มไหลกลับเข้ามาสู่ตลาดหุ้นไทย ขณะที่ นักลงทุนสถาบันยังอยู่ภาวะซื้อสลับ ทั้งนี้ คาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะยังผันผวนในกรอบ 1,760 จุด


090861-1927-9-335x503

ทั้งนี้ แนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ถึงแม้จะมีเหตุทำให้ผลประกอบการตกต่ำชั่วคราว กดดันราคาหุ้นให้ปรับลดลงรุนแรง ซึ่งจากการประเมินแนวโน้มในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า ปรากฎสัญญาณฟื้นตัวกลับทางพื้นฐานอย่างชัดเจน ได้แก่ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) และบริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ (STPI) ซึ่งราคาปรับลดลงจากจุดสูงสุดประมาณ 75% โดยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวหากชนะการประมูลโครงการเข้ามา คาดจะรู้ผลในช่วงปลายปี 2561 หรือต้นปี 2562

595959859