Mazda CX-5พิชิตดินแดนเหนือสุดของโลก

 

มาสด้า อาจจะเป็นค่ายรถยนต์ขนาดเล็กในระดับโลกครับ หรือยอดขายต่อปีนั้นน้อยกว่าพวกญี่ปุ่นด้วยกันอย่าง โตโยต้า หรือ นิสสัน อยู่พอสมควร แต่ถ้าวัดกันที่ความโดดเด่นของตัวโปรดักต์ ทั้งสไตล์การออกแบบ สมรรถนะการขับขี่ ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายใน และเทคโนโลยีต่างๆที่นำมาใช้ ต้องบอกว่าสุดยอดไม่แพ้รถในระดับเดียวกัน

ขณะที่เมืองไทยถือเป็นตลาดใหญ่อันดับ 7 ของธุรกิจมาสด้าทั่วโลก ส่วนปีนี้ยังตั้งเป้าหมายการขายไว้  65,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่ทำได้ 56,000 คัน เรียกว่ามีผลประกอบการดี และขยับส่วนแบ่งการตลาดขึ้นมาเรื่อยๆ (ปัจจุบันมีประมาณ 6%)

มาสด้า ยังประสบความสำเร็จกับการสร้างการรับรู้เรื่องเทคโนโลยี “สกายแอคทีฟ” ให้คนสัมผัสถึงมูลค่าที่เพิ่มขึ้นและส่งให้รถขับดีขึ้นผิดหูผิดตา พร้อมให้อัตราบริโภคนํ้ามันที่เป็นมิตร

ผมยังจำแคมเปญโฆษณา Only the Sky is the Limit ที่ทำออกมาเมื่อ 2-3 ปีก่อน ตอนนั้นเห็นแล้วก็อมยิ้มว่ามาสด้าช่างกล้าคิดวลีเด็ดๆแบบนี้ออกมา ที่หมายถึงรถตัวเองนั้นสุดยอดมากๆ และคงมีแต่ท้องฟ้าเท่านั้นที่มาสด้าไปไม่ได้ (ก็มาสด้าไม่ได้ทำเครื่องบินเหมือนฮอนด้า)

เหนืออื่นใดมาสด้า ไม่ได้คลอดแคมเปญนี้ออกมาเล่นๆครับ เพราะเขาเชิญสื่อมวลชนให้ไปลองขับรถของเขาในหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ จีน มองโกเลีย รัสเซีย เทือกเขาหิมาลัยก็ไปมาแล้ว ล่าสุดขยับไปถึงแผ่นดินยุโรปในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย เริ่มต้นที่เดนมาร์ก มุ่งสู่เป้าหมายที่ “นอร์ธเคป” ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งถือเป็นจุดเหนือที่สุดของโลกจุดหนึ่ง และเป็นส่วนของแผ่นใหญ่ที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุดแล้ว

ทริปนี้มาสด้าใช้พาหนะเป็นเอสยูวี “ซีเอ็กซ์-5”เวอร์ชันยุโรป(พวงมาลัยซ้าย) ซึ่งรถที่ทำตลาดในภูมิภาคนี้ ถูกนำเข้ามาจากโรงงารผลิตประเทศญี่ปุ่น(ของไทยนำเข้ามาจากโรงงานประเทศมาเลเซีย) แม้จะผิดแผนเรื่องตัวรถนิดหน่อย เพราะเดิมจะใช้ มาสด้า2 มาสด้า3 ซีเอ็กซ์-5 และบีที-50 ที่ลงเรือมาจากเมืองไทย แต่สุดท้ายเรือติดพายุ รถจึงไม่มาตามนัด

ดังนั้นประธานใหญ่ “ชาญชัย ตระการอุดมสุข” และท่านรอง “ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์”  รวมถึงผู้จัดการอาวุโสส่วนงานประชาสัมพันธ์ “อุทัย เรืองศักดิ์” ต้องปรับแผนกันใหม่ โดยได้รับความร่วมมือจากมาสด้า ยุโรป ช่วยหารถแทน สุดท้ายได้ ซีเอ็กซ์-5 เครื่องยนต์ดีเซล จำนวน 10 คันมาให้นักข่าวไทยขับลุยสแกนดิเนเวีย ทันแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

อย่างไรก็ตาม ในจำนวน 10 คันนั้นเป็น ซีเอ็กซ์-5 เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร รุ่นท็อปขับเคลื่อน4ล้อ  9 คัน มาพร้อมระบบความปลอดภัยเต็มขั้น และประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ประกบล้ออัลลอย19นิ้ว   ทว่าอีก 1 คัน เป็นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่ไม่มีออพชันเทพๆ และใช้ล้อขนาด 17 นิ้ว ซึ่งคนดวงดีที่ได้ขับคันนี้ก็คือผมและเพื่อนนักข่าวอีก 2 ท่านจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและนิตยสารออโต้คาร์





โดยมาสด้าแบ่งนักข่าวเป็น 2 กลุ่ม  ผมถูกมอบหมายให้อยู่กลุ่มแรก ขับจากโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ไปถึงสตอกโฮล์ม เมืองหลวงของสวีเดน ระยะทาง 650 กิโลเมตร จากนั้นทั้งคนและรถถูกขนโดยเรือเฟอร์รี่ข้ามทะเลบอลติก ไปยังเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์

เอาละครับ “รถไฮโซ โลว์ออพชัน” อย่าง ซีเอ็กซ์-5 คันนี้ สมรรถนะดีอยู่มากๆ หลังใช้เวลาสักพักเพื่อทำความคุ้นเคยกับการขับรถพวงมาลัยซ้าย เดินรถชิดขวา ก็ไม่เป็นปัญหา สัมผัสได้ถึงอัตราเร่งของเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 175 แรงม้า ประกบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ยังตอบสนองพุ่งฉลุยในเมืองหนาว เรี่ยวแรงจัดให้แบบเนียนต่อเนื่อง แม้จะนั่งกัน 3 คน พร้อมกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 3 ใบในด้านท้าย

ขณะที่การควบคุมพวงมาลัยแบบผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า พอเป็นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และใช้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ผมว่าเบามือไปนิด อาจจะคล่องแคล่วเมื่อขับขี่ในเมือง แต่ไม่ได้สปอร์ตหนักแน่นนักเมื่อขับความเร็วสูงเกิน 100 กม./ชม.

ถือเป็นเอสยูวีเน้นขับขี่สบาย ช่วงล่างหนึบนุ่ม และมีความอเนกประสงค์พอตัว ส่วนเวอร์ชันที่ขายในยุโรปจะมีระบบอุ่นเบาะนั่ง(หน้า-หลัง) และอุ่นพวงมาลัย มาให้ด้วย แต่ไม่มีซันรูฟเหมือนที่ขายในบ้านเรา เช่นเดียวกับยางอะไหล่ที่เขาจะใช้ชุดซ่อมยางฉุกเฉินแทน





วันรุ่งขึ้น คาราวาน มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ออกตัวจากเฮลซิงกิ วิ่งขึ้นเหนือไปยังเมือง “คูโอปิโอ” ระยะทาง 398 กิโลเมตร และวันที่ 4 ขับต่อไปที่“โรวาเนียมี” (Rovaniemi) อีก 533 กิโลเมตร ซึ่งที่นี่จะมีเส้น “อาร์กติก เซอร์เคิล” (เส้นละติจูดบนสุดของโลก) ที่แสดงให้เห็นว่าเราเข้าสู่ดินแดนขั้วโลกเหนือแล้ว

สภาพอากาศรวมๆมีดีมีแย่สลับกันไปครับ บางช่วงแดดดี บางช่วงฝนปรอยขณะที่อากาศตอนกลางวันประมาณ 15-16 องศา และต้องยอมรับว่าถนนแถบนี้ดีมากๆ และมีป้ายบอกสัญญาณต่างๆชัด ตลอดจนตัวเลขจำกัดความเร็วเป็นระยะๆ ใครขับความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด จะมีกล้องถ่ายรูปเท่ๆแสงแฟรชสะท้อนเข้าตา ถ่ายเอาไว้เป็นหลักฐานเพื่อส่งใบสั่งไปถึงบ้าน

วันสุดท้ายคณะสื่อมวลชนขับกันอีก 677 กิโลเมตร มุ่งสู่เมืองเป้าหมาย“ฮอนนิงสวอก” (Honningswag) ประเทศนอร์เวย์ ช่วงนี้อากาศขมุกขมัวตลอด ทัศนวิสัยแย่ บางช่วงเจอกวางน้อยวิ่งตัดหน้าแบบกระชั้นชิด แต่ต้องขอบคุณดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบช่วยเหลือต่างๆของ ซีเอ็กซ์-5 สามารถจัดการได้อยู่มือ ขณะที่อัตราบริโภคนํ้ามันแน่นอนว่ารถขับเคลื่อน 2 ล้อ ของพวกผมทำได้ดีกว่าเพื่อนๆ ด้วยตัวเลขประมาณ 16 กม./ลิตร (คันอื่นน่าจะได้ประมาณ 15 กม./ลิตร)สุดท้ายรวมการเดินทาง 5 วัน ระยะทางทั้งสิ้น 2,264 กิโลเมตร

เหนืออื่นใดในวันสุดท้ายที่ “ฮอนนิงสวอก”  เรายังขึ้นรถบัสไป “แหลมเหนือ” (North Cape) สถานที่ท่องเที่ยงชื่อดังของนอร์เวย์ ซึ่งในหน้าร้อนผู้คนนิยมมาชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน ส่วนทริปนี้ของสื่อมวลชนไทย เราได้เห็นแสงเหนือสีเขียวแพรวพราวบนฟ้าเป็นรางวัลตอบแทน

เรียกว่า คาราวาน มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 พิชิต ดินแดนขั้วโลกเหนือจบทริปในกลุ่มแรกได้อย่างสมบูรณ์แบบ  และปล่อยให้ผู้สื่อข่าวกรุ๊ป 2รับหมายต่อ โดยมุ่งลงใต้กลับไปประเทศนอร์เวย์ ระยะทางอีกประมาณ 3,000 กม.ในเวลา 6 วันครับ

สำหรับมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 โฉมใหม่ เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายปีที่แล้ว ราคารุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เริ่มต้น 1.29 ล้านบาท และเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 1.56-1.77 ล้านบาท  โดยยอดขายตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2561 ทำได้ 5,624คัน โต 138% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

โดย : กรกิต กสิคุณ

 



หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,405 วันที่ 30 กันยายน - 3 ตุลาคม พ.ศ. 2561