ทุนท้องถิ่นอุดรทุ่มพันล้าน ผุดโครงการมิกซ์ยูสใหญ่สุดในอีสานตอนบน
ทุนท้องถิ่นเมืองอุดรทุ่มพันล้าน ผุดโครงการมิกซ์ยูสใหญ่สุดในภาคอีสานตอนบน สนามกอล์ฟมาตรฐาน 18 หลุม พร้อมคลับเฮาส์ และบ้านจัดสรรบนพื้นที่กว่า 500 ไร่ รับแผนผลักดันให้อุดรเป็นเมืองสปอร์ตซิตี
นายธีระ เธียรวิช ประธานกรรมการ บริษัท รอยัล ครีค กอล์ฟ คลับ แอนด์ รีสอร์ท จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทเป็นผู้บริหารและพัฒนาโครงการรอยัลครีค กอล์ฟคลับ แอนด์ รีสอร์ท ซึ่งเป็นโครงการสนามกอล์ฟและบ้านจัดสรรระดับพรีเมียม บนพื้นที่กว่า 500 ไร่ ในรูปแบบมิกซ์ยูส ที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบไปด้วยสนามกอล์ฟขนาดมาตรฐาน ระดับห้าดาว 18 หลุม 72 พาร์ โครงการบ้านจัดสรรในสนามกอล์ฟ คลับเฮาส์ และรีสอร์ต พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโครงการ อาทิ มีสนามจอดเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ เอาไว้บริการลูกค้าวีไอพีของโครงการ ที่ตั้งโครงการอยู่ในพื้นที่คาบเกี่ยว 2 อำเภอ คือ ต.สร้างแป้น อ.อำเภอเพ็ญ และต.ดอนกลอย อ.หนองหมาน จ.อุดรธานี ห่างจากตัวเมืองอุดรธานี ประมาณ 17 กม. โดยมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท
“ผมเป็นนักธุรกิจประกอบธุรกิจในท้องถิ่นจังหวัดอุดรธานี หลังจากที่ได้หันมาเล่นกีฬากอล์ฟ ได้เล็งเห็นว่าอุดรธานีเป็นจังหวัดใหญ่ เป็นศูนย์กลางของการค้า การลงทุน การบริการและเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวที่สำคัญของภาคอีสานตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดอุดรธานีมีนโยบายในการพัฒนาและผลักดันให้เป็นเมืองสปอร์ตซิตี (Sport City) แต่ยังไม่มีสนามกอล์ฟขนาดมาตรฐาน 18 หลุม เอาไว้ให้บริการและรองรับนักกอล์ฟทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนการจัดการแข่งขันในระดับโลก เห็นถึงศักยภาพกลุ่มตลาดการท่องเที่ยวและกีฬากอล์ฟ ที่มีแนวโน้มว่าจะมีการเติบโตขึ้นมาในอนาคตอย่างต่อเนื่อง จึงได้มีการรวบ รวมทุนในหมู่นักธุรกิจในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี จัดตั้งเป็นบริษัทขึ้นมาเพื่อดำเนินการโครงการดังกล่าว”
นายธีระ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าเฟสแรก สนามกอล์ฟขนาด 9 หลุมจะแล้วเสร็จภายในปี 2561 นี้ และจะสามารถเปิดให้บริการครบ 18 หลุมภายในเดือนเมษายน 2562 และจะทยอยเปิดให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2562 เช่น รีสอร์ตสำหรับลูกค้า 48 หลัง บ้านพัก วีไอพี 2 หลัง สนามไดรฟ์ขนาด 22 ช่อง ลานจอดรถ 500 คัน และลานจอดเฮลิคอปเตอร์ นอกจากนี้พื้นที่อีกส่วนหนึ่งประมาณ 50-60 ไร่ จัดสร้างเป็นบ้านจัดสรรระดับพรีเมียมขนาดพื้นที่ 350-370 ตร.ม. ราคาหลังละ 7-13 ล้านบาท จำนวนประมาณ 100 ยูนิต
ทิศทางของธุรกิจสนามกอล์ฟในปัจจุบันเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีคนนิยมเล่นกีฬากอล์ฟมากขึ้น โดยเฉพาะในจังหวัดอุดรธานีเอง มีนักกีฬากอล์ฟเพิ่มมากขึ้น กลุ่มเป้าหมายนอกจากนักเล่นกอล์ฟในจังหวัดอุดรธานีแล้ว ก็เป็นนักกีฬากอล์ฟจากทั่วประเทศและต่างประเทศ อาทิ นักท่องเที่ยวที่นิยมกีฬากอล์ฟจากประเทศเกาหลี ซึ่งกำลังมีการประสานงานกับส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำนักท่องเที่ยวกีฬากอล์ฟจากประเทศเกาหลีให้มาใช้สนามกอล์ฟของโครงการ
“การลงทุนสร้างสนามกอล์ฟ หลายฝ่ายอาจมองว่า เป็นกีฬาเฉพาะกลุ่ม ขณะที่เศรษฐกิจในส่วนของภูมิภาคอยู่ในระยะที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งทางโครงการกลับมองสวนทางว่า เราถือโอกาสดังกล่าวเข้าไปลงทุน อาจจะเป็นโอกาสในหลายอย่าง ในขณะที่คนอื่นเขาดาวน์ เราอาจจะได้โอกาสที่ดี และตัวโครงการจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการ เชื่อว่ากว่าโครงการจะเสร็จสมบูรณ์ ทุกอย่างก็จะดีขึ้น” นายธีระ กล่าวในที่สุด
หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,405 วันที่ 30 กันยายน-3 ตุลาคม 2561
นายธีระ เธียรวิช ประธานกรรมการ บริษัท รอยัล ครีค กอล์ฟ คลับ แอนด์ รีสอร์ท จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทเป็นผู้บริหารและพัฒนาโครงการรอยัลครีค กอล์ฟคลับ แอนด์ รีสอร์ท ซึ่งเป็นโครงการสนามกอล์ฟและบ้านจัดสรรระดับพรีเมียม บนพื้นที่กว่า 500 ไร่ ในรูปแบบมิกซ์ยูส ที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบไปด้วยสนามกอล์ฟขนาดมาตรฐาน ระดับห้าดาว 18 หลุม 72 พาร์ โครงการบ้านจัดสรรในสนามกอล์ฟ คลับเฮาส์ และรีสอร์ต พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโครงการ อาทิ มีสนามจอดเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ เอาไว้บริการลูกค้าวีไอพีของโครงการ ที่ตั้งโครงการอยู่ในพื้นที่คาบเกี่ยว 2 อำเภอ คือ ต.สร้างแป้น อ.อำเภอเพ็ญ และต.ดอนกลอย อ.หนองหมาน จ.อุดรธานี ห่างจากตัวเมืองอุดรธานี ประมาณ 17 กม. โดยมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท
“ผมเป็นนักธุรกิจประกอบธุรกิจในท้องถิ่นจังหวัดอุดรธานี หลังจากที่ได้หันมาเล่นกีฬากอล์ฟ ได้เล็งเห็นว่าอุดรธานีเป็นจังหวัดใหญ่ เป็นศูนย์กลางของการค้า การลงทุน การบริการและเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวที่สำคัญของภาคอีสานตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดอุดรธานีมีนโยบายในการพัฒนาและผลักดันให้เป็นเมืองสปอร์ตซิตี (Sport City) แต่ยังไม่มีสนามกอล์ฟขนาดมาตรฐาน 18 หลุม เอาไว้ให้บริการและรองรับนักกอล์ฟทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนการจัดการแข่งขันในระดับโลก เห็นถึงศักยภาพกลุ่มตลาดการท่องเที่ยวและกีฬากอล์ฟ ที่มีแนวโน้มว่าจะมีการเติบโตขึ้นมาในอนาคตอย่างต่อเนื่อง จึงได้มีการรวบ รวมทุนในหมู่นักธุรกิจในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี จัดตั้งเป็นบริษัทขึ้นมาเพื่อดำเนินการโครงการดังกล่าว”
นายธีระ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าเฟสแรก สนามกอล์ฟขนาด 9 หลุมจะแล้วเสร็จภายในปี 2561 นี้ และจะสามารถเปิดให้บริการครบ 18 หลุมภายในเดือนเมษายน 2562 และจะทยอยเปิดให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2562 เช่น รีสอร์ตสำหรับลูกค้า 48 หลัง บ้านพัก วีไอพี 2 หลัง สนามไดรฟ์ขนาด 22 ช่อง ลานจอดรถ 500 คัน และลานจอดเฮลิคอปเตอร์ นอกจากนี้พื้นที่อีกส่วนหนึ่งประมาณ 50-60 ไร่ จัดสร้างเป็นบ้านจัดสรรระดับพรีเมียมขนาดพื้นที่ 350-370 ตร.ม. ราคาหลังละ 7-13 ล้านบาท จำนวนประมาณ 100 ยูนิต
“การลงทุนสร้างสนามกอล์ฟ หลายฝ่ายอาจมองว่า เป็นกีฬาเฉพาะกลุ่ม ขณะที่เศรษฐกิจในส่วนของภูมิภาคอยู่ในระยะที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งทางโครงการกลับมองสวนทางว่า เราถือโอกาสดังกล่าวเข้าไปลงทุน อาจจะเป็นโอกาสในหลายอย่าง ในขณะที่คนอื่นเขาดาวน์ เราอาจจะได้โอกาสที่ดี และตัวโครงการจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการ เชื่อว่ากว่าโครงการจะเสร็จสมบูรณ์ ทุกอย่างก็จะดีขึ้น” นายธีระ กล่าวในที่สุด
หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,405 วันที่ 30 กันยายน-3 ตุลาคม 2561
