"ธพว." ห่วง SMEs เข้าไม่ถึงสินเชื่อตามมาตฐานบัญชีเดียว

28 ก.ย. 2561 | 09:18 น.
ธพว. ห่วงเอสเอ็มอีเกินครึ่งยังไม่เห็นความสำคัญของการทำมาตรฐานบัญชีเดียว จะเข้าไม่ถึงสินเชื่อ ชี้สงครามการค้าจะเป็นแรงผลักดันทางการเงิน ทำให้เอสเอ็มอีเงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอ แย้มเตรียมนำเรื่องหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหา

นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ ธพว. (SME Development Bank) เปิดเผยว่า ธนาคารมีความกังวลเรื่องของการบังคับใช้มาตรฐานบัญชีกับเอสเอ็มอีในปี 2562 เนื่องจากปัจจุบัน จากจำนวนเอสเอ็มอีทั้งระบบ 5.2 ล้านราย มีที่เป็นนิติบุคคลเพียงแค่ประมาณ 5 แสนรายเท่านั้น ซึ่งเอสเอ็มอีที่ยังไม่ได้เป็นนิติบุคคล โดยเฉพาะที่มีขนาดเล็ก ในความเป็นจริงแล้วมีความตั้งใจที่จะทำบัญชีเดียว และอีกประมาณครึ่งหนี่งที่ยังลังเลอยู่ เพราะไม่เห็นความสำคัญ โดยเห็นได้ชัดว่า ไม่มีความรู้ หรือ ไม่มีระบบ และที่สำคัญ คือ ไม่มีเอกสารใดที่จะเข้าถึงการทำบัญชีได้ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เอสเอ็มอีได้เงินไม่ครบถ้วน หรือไม่เพียงพอต่อสภาพพอเพียงต่อธุรกิจ


8638641160731

ทั้งนี้ จะกังวลมาก เพราะเอสเอ็มอีรายเล็กที่ไม่เป็นนิติบุคคลประสบปัญหาชัดเจน ว่า ไม่กระจายไปถึงคนกลุ่มนี้ และในภาวะที่มีความเสี่ยงสูงในการค้าระหว่างประเทศกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนนั้น มีแรงกดดันผ่านกลไกลการเงิน อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย ที่จะมีการบังคับให้มีการปรับขึ้น จากการที่ประเทศในอาเซียนมีการปรับขึ้นค่อนข้างมากแล้ว เหลือแต่ประเทศไทยที่ยังมีแนวงโน้มทรงตัวอยู่ในช่วงนี้ จึงเป็นความเสี่ยงให้เอสเอ็มอีเหล่านี้มีเงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า หากไปใช้เงินนอกระบบ ก็จะมีทั้งอัตราดอกเบี้ยที่สูง รวมถึงอัตราการผ่อนชำระที่สูง และวิธีชำระก็ค่อนข้างไม่ผ่อนปรน

"ผลการวิจัยที่พบนั้น ธพว. จะนำผลวิจัยกลับไปหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง ภาคเอกชน สภาหอการค้าไทยแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสถาบันการเงินของรัฐหลายแห่ง ที่จะต้องทบทวนเรื่องดังกล่าวนี้ โดยอาจจะต้องมีการผ่อนปรนกลุ่มรายเล็กที่ไม่จดทะเบียนนั้น ให้มีโอกาสได้เข้าถึงในวงเงินหมุนเวียนที่ได้เต็มที่ รวมถึงเพื่อสำรอง หรือ ขยายในการทำธุรกิจ และรองรับความเสี่ยงทางด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ หรือ ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ อันเป็นฐานรากของชุมชน หรือ คนตัวเล็กที่อยู่ต่างจังหวัด อาจจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก"

ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัยและผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ควรจะมีบทเฉพาะกาลผ่อนคลายไปอีก 1 ปี ให้เอสเอ็มอีได้ปรับตัว หรือ เข้าถึงสินเชื่อได้ โดยสิ่งที่จะต้องดำเนินการ ก็คือ เปิดให้เอสเอ็มอีเข้ามาลงทะเบียน พร้อมระบุว่า จะเข้าสู่กระบวนการทำมาตรฐานบัญชีเดียวภายใน 1 ปี ซึ่งกระบวนการพิจารณาสินเชื่อ ก็คือ การใช้บัญชีเดิมของเอสเอ็มอีไปก่อน โดยใช้หลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ เช่น ประจักษ์พยาน หรือ หลักฐานที่ยังไม่ใช่บัญชีเดียว 100% แต่เป็นบัญชีที่สามารถดูได้ว่า มีกระแสเงินสด หรือ เงินไหลเข้าออกอย่างไร และเป็นบัญชีที่จะสามารถเทียบเคียงได้ว่า หรือ พิสูจน์ได้ว่าเป็นบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวเงินแบบนี้จริง ๆ


8638641221088

"การดำเนินการดังกล่าวน่าจะช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ได้ แต่หากเอสเอ็มอีรู้ข้อมูลแล้ว มีการประชาสัมพันธ์แล้วผ่านทางสมาคมธนาคารไทย, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), กระทรวงการคลัง, ธพว., สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อย่างหนักปีหน้า แล้วยังไม่เข้า ก็คงต้องเข้าสู่กระบวนการปกติในการเป็นบัญชีเดียว เพราะไม่ยอมทำตาม"

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว