จาก "ว่องไววิทย์" สู่ "เดอะเมโทรโพลิส" บูมตลาดคอนโดฯสำโรง

02 ต.ค. 2561 | 08:22 น.
ยุคเติบโตของอสังหาฯไทย ไม่ว่าใครก็อยากชิมลางคว้าโอกาส เช่นเดียวกับ "ตระกูลว่องไววิทย์" ที่เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในวงการอุตสาหกรรมนานกว่า 50 ปี วันนี้ผันตัวจาก "ว่องไววิทย์ อุตสาหกรรมจักรกล สู่ผู้พัฒนาอสังหาฯ อย่างเต็มตัว" จากการสร้างอาณาจักร เดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์ คอนโดฯ ตึกสูง ติดสถานีรถไฟฟ้า 0 ก้าว ซึ่งอสังหาฯ ในมุมมองบิ๊กบอส "เฉลิมชัย ว่องไววิทย์" กรรมการผู้จัดการ ดีกรีพ่วงท้ายวิศวกรถ่ายทอดผ่าน "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า

 

[caption id="attachment_325112" align="aligncenter" width="338"] เฉลิมชัย ว่องไววิทย์ เฉลิมชัย ว่องไววิทย์[/caption]

รถไฟฟ้ามา โอกาสเกิด
การทำอสังหาริมทรัพย์จริง ๆ แล้ว เริ่มมานานกว่า 20 ปี จากโครงการแรก คอนโดฯ อีสท์ วูด พาร์ค อ่อนนุช 36 และโครงการแนวราบ วิลล่า นครินทร์ ภายใต้บริษัท เมโทรโพลิส พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งมีที่ดินสะสมอยู่พอสมควร และเป็นโอกาสใหญ่ เมื่อพื้นที่ตั้งของโรงงานเก่าอยู่ในแนวส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีเหลือง สถานีสำโรง สั่งสมกับประสบการณ์ด้านวิศวกรของครอบครัว จึงเชื่อว่า การแปรพื้นที่ดังกล่าวมาพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ที่สุดในทำเล ชูจุดเด่นที่มีจะได้รับการตอบรับจากคนซื้อไม่แพ้สินค้าจากยักษ์ใหญ่ในตลาด


เดอะ เมโทรโพลิสสำโรง
แม้สถานีสำโรงจะมีโครงการเกิดขึ้นมาก แต่มองว่า กลุ่มกำลังซื้อมีทั้งคนในพื้นที่กลุ่มคนทำงานและนักลงทุนในกรุงเทพฯ สนใจ เนื่องจากพิกัดของโครงการจูงใจ กับสถานีสำโรง ซึ่งอนาคตเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์ เชื่อมกับสายสีเหลือง เทพารักษ์-ลาดพร้าว หากจะเดินทางเข้าทองหล่อก็เพียง 16 นาที

สำหรับเดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์ เป็นคอนโดฯ ตึกสูง 30 ชั้น และ 39 ชั้น 2 อาคาร อาคารโลว์ไรส์ 7 ชั้น อีก 1 โครงการ รวม 1,721 หน่วย มูลค่า 5.7 พันล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างอยู่ 2 ปี ขณะนี้แล้วเสร็จประมาณ 95% ก่อนจะเริ่มโอนให้ลูกค้ากลุ่มแรกในช่วงเดือน ต.ค. นี้ มีเหลือขายเพียง 200 หน่วย ในราคา 9 หมื่น/ตร.ม. ซึ่งตํ่ากว่าราคาตลาด 10% ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากเท่านั้น เชื่อว่ามูลค่าที่ดินจะสูงขึ้น เพราะเพียง 3 ปีผ่านมา ก็เพิ่มขึ้นแล้ว 1-2 เท่า วันนี้ซื้อ 3 ล้านบาท/ไร่ ต่อไปจะสูงเป็น 7-8 ล้านบาทต่อไร่แน่นอน


thumbnail

ชูเอ็นจิเนียริ่งแข่งตลาด
ยอมรับว่า การเป็นรายย่อยกล้าขึ้นมาแข่งกับยักษ์ใหญ่ เหนื่อยมาก เคยถามตัวเองว่า บ้าหรือเปล่า ครั้งที่ทำได้แล้วครึ่งทาง เพราะการไม่มีแบรนด์ในตลาด ลูกค้าจะซื้อก็คิดมาก แต่ด้วยทำเลที่เหนือกว่าจึงกล้าเสี่ยง ชูจุดแข็ง ด้านโครงสร้างอาคารที่แข็งแรง ระบบไฟฟ้า ระบบนํ้า ที่มั่นใจว่า ได้มาตรฐานที่สุด เพราะเชื่อว่า จะทำให้อาคารอยู่ได้นานหลายสิบปี และส่งผลต่อมูลค่าทรัพย์สินของลูกบ้าน ราคาจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  ขณะเดียวกัน เมื่อบวกกับการดูแลสังคมที่ดี บริหารจัดการส่วนกลางอย่างมืออาชีพ ใช้กลยุทธ์เจ้าของกับลูกบ้าน คือ คนกลุ่มเดียวกัน การร่วมมือที่จะดูแลชุมชนก็จะเกิดขึ้น การสร้างตึกใหญ่ได้ขนาดนี้ ก็ถือเป็นการพิสูจน์ตนเอง ลบคําสบประมาทว่า น่าจะสร้างไม่เป็น สร้างไม่เสร็จ ซึ่งจะใช้แวลูดังกล่าวต่อยอดแผนธุรกิจในอนาคต


สัญญาณฟองสบู่สำโรง?
ทุกวันนี้ ที่ดินสำโรงถูกกั้นรอพัฒนาอีกหลายแปลง คาดซัพพลายไม่มีวันหมด มีทั้งโครงการที่มาจากเจ้าถิ่นและรายใหญ่ของตลาด อนาคตทำเลดังกล่าวน่าจะเป็นที่ต้องการของคนทำงานในเมืองอีกมาก รวมถึงต่างชาติ


จ่อผุดโครงการยักษ์
ยังมีที่ดินอยู่รอบเมืองอีกหลายแปลง โดยเฉพาะย่านปากนํ้า ติดปากอ่าว จำนวน 15 ไร่ มีแผนพัฒนาในช่วง 2 ปี เป็นโครงการที่อยู่อาศัยสไตล์รีสอร์ต แบ่งเป็น คอนโดฯ ประมาณ 3 พันหน่วย และช็อปปิ้งมอลล์ขนาดเล็ก รวมมูลค่าประมาณ 9 พัน - 1 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าหมายระยะสั้นพัฒนาปีละ 1 โครงการ "เราทำโครงการที่ดี มีมูลค่า ชื่อเสียงการบอกต่อจะมาจากตรงนี้ การซื่อสัตย์กับลูกค้า เป็นเรื่องสำคัญสุด" นายเฉลิมชัย กล่าว


หน้า 29-30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,405 วันที่ 30 ก.ย.-3 ต.ค. 2561

e-book-1-503x62-7